ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิหาร "อาร์เทมิส" แห่ง "เอเฟซัส"

หากจะเรียนรู้เรื่อง "เอเฟซัส" แล้วไม่รู้เรื่องของเทพี "อาร์เทมิส" เลย ก็จะไม่สามารถเข้าถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในจดหมายฝาก "เอเฟซัส" ที่วิหารแห่งนี้มี "เทวทาสี" หรือ "หญิงผู้ทำกามพลี" ประจำวิหารอยู่ด้วย เป็นเหตุให้เปาโลต้องตักเตือนสามีให้คิดถึงภรรยาของตน ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมของชาวเอเฟซัสที่ต้องทำพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์แบบนี้

Cult Prostitute คือวิธีการของคนยุคโบราณที่ใช้การล่วงประเวณีเป็นสัญลักษณ์ของการบูชาความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง มีหลากหลายอาณาจักร โดยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยสุเมเรียน หรือบาบิโลเนียเลยทีเดียว


ธรรมบัญญัติของชาวยิวกล่าวห้ามไว้อย่างชัดเจน

วิหารของอาร์เทมิสอยู่ที่ถนนหน้าเมืองเอเฟซัส

ใหญ่กว่าวิหารเพนทานอนถึง 4 เท่า

เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าได้เตือนคนของพระองค์ให้ระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความหมายของยุทธภัณฑ์ (เอเฟซัส บทที่ 6) มาจากชุดของ "กลาดิเอเตอร์"


Gladiator คือนักสู้กลาดิเอเตอร์จะถูกแบ่งเป็น 10 ระดับ โดยนักสู้ระดับสูงสุดจะได้รับเงินจากการต่อสู้ครั้งเดียวเป็นเงินมากกว่า 15 เท่าของรายได้ทั้งปีของทหารราบ ขณะที่นักสู้ในสังเวียนมีมากกว่า 12 ประเภท

หนึ่งในนักสู้ที่ผ่านสังเวียนแห่งนี้มามากมาย ชื่อของ "เวรัส" กลับเป็นนักสู้เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

"เวรัส" เกิดมาเป็นเสรีชน แต่เขาถูกจับในปี ค.ศ. 76 ที่ชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรม เขาถูกนำตัวกลับมายังอิตาลีและถูกบังคับให้เป็นทาส "เวรัส" ทำงานอยู่ในเหมืองหนึ่งปีก่อนจะฉวยโอกาสหนีจากการงานอันตรากตรำของทาสในเหมืองหิน และถูกนำไปเป็นนักสู้ฝึกหัด


เขาเข้ารับการฝึกเพื่อจะเรียนรู้เทคนิคอันซับซ้อน และต้องใช้ฝีมืออย่างสูงของนักสู้กลาดิเอเตอร์ "เวรัส" หล่อหลอมมิตรภาพกับนักสู้ฝึกหัดคนอื่นๆ และเรียนรู้ว่าชีวิตของกลาดิเอเตอร์นั้นอาจจะโสมม ป่าเถื่อน แต่เขาก็เรียนรู้เช่นกันว่าหากมีโชค ฝีมือและความกล้าหาญสุดหัวใจ นักสู้ในสังเวียนก็สามารถโด่งดัง ร่ำรวย ดึงดูดสตรีมากมายให้มาหลงใหล ในที่สุดเวรัสก็สามารถไต่อันดับขึ้นมาและกลายเป็นนักสู้ในสังเวียนที่โด่งดังจนได้

ซึ่งรวมถึง "มูร์มิลลอส" ที่ถือโล่ขนาดใหญ่และดาบเล่มยาว "ธราเชียน" ซึ่งต่อสู้เหมือนคนกรีก และ "เรทาริอัส" ซึ่งใช้แหและสามง่ามเป็นอาวุธ

แม้ว่านักสู้ในสังเวียนส่วนมากจะเป็นทาส แต่ไม่ใช่ทุกคน เพราะเมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 2 นักสู้กลาดิเอเตอร์มากกว่า 1 ใน 3 เป็นคนที่สมัครใจเข้ามา โดยมีชื่อเสียงและความมั่งคั่งเป็นสิ่งล่อใจ และการต่อสู้ทุกครั้งก็ไม่ได้จบลงด้วยความตายเสมอไป พวกเขามีโอกาสที่ดีที่จะเอาชีวิตรอด และหลายคนก็อำลาสังเวียนไปหลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพนี้

สำหรับคนที่เสียชีวิตพวกนักสู้ในสังเวียนได้ร่วมกันตั้งชมรมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อจ่ายเงินสำหรับการทำศพแก่นักสู้ที่เสียชีวิต พวกเขาเชื่อว่าถ้าไม่มีการทำศพอย่างถูกต้อง ผู้ที่ตายจะถูกสาปให้เร่ร่อนเป็นผีอยู่ในโลกตลอดไป

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีที่เมืองเอเฟซัสด้วย

กลาดิเอเตอร์ เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโรมัน

สิ่งที่เปาโลบรรยายในเอเฟซัส มาจากชุดของ "กลาดิเอเตอร์"

    เปาโลนำเรื่องนี้มายกตัวอย่างในจดหมายฝากเอเฟซัส เพื่อให้คริสเตียนในยุคนั้นมีใจกล้าหาญเหมือนนักสู้กลาดิเอเตอร์ และสิ่งสำคัญของชุดนักสู้ก็คือไม่มีเครื่องป้องกันหลัง ซึ่งต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เพราะเมื่อลงสนามแล้วจะเลิกสู้ไม่ได้ 

    จง​อธิษ​ฐาน​ใน​พระ​วิญ​ญาณ​ทุก​เวลา​โดย​การ​อธิษ​ฐาน​และ​การ​วิง​วอน​ทุกๆ อย่าง เพราะ​เหตุ​นี้​จง​เฝ้า​ระวัง​ด้วย​ความ​เพียร​และ​ด้วย​การ​วิง​วอน​เผื่อ​ธรร​มิก​ชน​ทุก​คน​อยู่​เสมอ (อฟ. 6:18)