ยูดาสอิสคาริโอท เขาเป็นใครมาจากไหน
ยูดาส เป็นชาวเมืองเคอริโอท (Kerioth) ซึ่งอยู่ในทางทิศใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม บางทีพ่อแม่ของเขาอาจจะเป็นคนเคร่งครัดในศาสนา จึงตั้งชื่อบุตรของตนตามชื่อที่มีความหมาย และประวัติที่ดี เขาคงได้รับการอบรมจากครอบครัวที่ดี เมื่อเติบโตขึ้นใคร ๆ จึงเรียกเขาว่า "ยูดาส อิสคาริโอท (Judas Iscariot)" เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองของเขา เช่นเดียวกับพระเยซูที่ถูกเรียกต่อท้ายว่า “ชาวนาซาเร็ธ” ก่อนที่ยูดาสจะพบกับพระเยซู
เขาไม่เคยมีเบื้องหลังอันด่างพร้อยเหมือนมัทธิว (มธ.9:9-13) เป็นคนเก็บภาษีมีแต่คนเกลียดชัง
ไม่ใจร้อนขี้โมโหเหมือนยากอบเมื่อเห็นชาวบ้านไม่รับรองพระองค์ “พระองค์เจ้าข้า พระองค์พอพระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเขาเสีย....” (ลก.9:53-54)
ไม่ใจแคบขี้อิจฉาเหมือนยอห์นเมื่อเห็นคนอื่นขับผีออกในนามพระเยซูแต่ตัวเองทำไม่ได้ (ลก. 9:49-50)
ไม่พูดพล่อย ๆ และเรียกร้องความสนใจเหมือนเปโตร “..ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะติดคุก หรือถึงความตายก็ดี” (ลก.22:33)
ไม่พูดโอ้อวดเหมือนโธมัส “พวกเราไปกับพระองค์เถิด เพื่อจะได้ตายด้วยกันกับพระองค์” (ยน.11:16)
ไม่ขี้สงสัยเหมือนฟิลิป “ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เห็น” (ยน.14:8)
ไม่ชอบพูดเยาะเย้ยดูถูกคนอื่นเหมือน นาธานาเอล “สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเรธได้หรือ” (ยน. 1:46)
(นี่ถ้าจะว่าไปแล้วทุกคนก็ไม่มีดีเหลืออยู่เลย แต่โดยพระคุณพระเจ้าการไปสวรรค์นั้นไม่ได้อาศัยความดีของใครคนใดคนหนึ่งแต่อาศัยโดยความเชื่อในพระเยซูเท่านั้น)
ยูดาสเป็นบุคคลที่มีนิสัยดีมาแต่เดิม เป็นผู้นิยมชมชอบพระเยซูมาตั้งแต่เริ่มแรก มีบุคลิกลักษณะว่าจะเป็นคนสำคัญต่อไปข้างหน้า และถูกเลือกเป็น 1 ใน 12 สาวกที่พระเยซูทรงเลือก เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้นำ เขาได้รับหน้าที่เป็นเหรัญญิกดูแลการเงินของกลุ่ม การที่หมู่คณะไว้ใจในเรื่องนี้ แสดงว่าเขาต้องเป็นคนสัตย์ซื่อไว้ใจได้ รอบคอบ มีความสามารถ และสติปัญญา (ถ้าจะพูดคุยถึงเรื่อเงิน ๆ ทอง ๆ มัทธิวน่าจะได้รับตำแหน่งนี้เพราะเขาถนัดด้านนี้ แต่ท่านมีชื่อเสียงไม่ดีมาก่อน)
นี่ถ้ายูดาสไม่ฆ่าตัวตาย และกลับใจใหม่ เราคงจะเรียกยูดาสว่าอาจารย์เป็นแน่แท้ เพราะว่าเขาจัดได้ว่าเป็นบุคคลตัวอย่างได้ดีทีเดียว
แล้วทำไมยูดาสถึงอายัดพระเยซู
มีสาเหตุอันใดที่ทำให้ยูดาอายัดพระเยซู มัทธิวและมาระโกกล่าวว่า เพราะความโลภเป็นเหตุ “ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไหร่...” (มธ.26:15) “เขา...สัญญาว่าจะให้เงินแก่ยูดาส” (มก.14:11) ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ถ้ายูดาสเป็นคนโลภจริง เหตุใดจึงเอาเงินแค่สามสิบเหรียญซึ่งเป็นเงินไม่มาก แถมภายหลังยังเอาเงินไปคืนอีก น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ส่วนลูกาบอกว่า “ซาตานเข้าดลใจยูดาส” (ลก.21:3) ยอห์นก้กล่าวเช่นเดียวกัน “..ซาตานก็เข้าสิงในใจเขา” (ยน.13:27) ในสมัยก่อนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เข้าใจยากก็โทษมารไว้ก่อน คนที่มีความประพฤติผิดปกติก็ว่ามีผีสิง (แม้แต่ในปัจจุบันในประเทศไทยแถวภาคอีสานก็มักจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์คือว่ามีผีปอบเข้าสิงบ้างเป็นต้น) ในข้อนี้เราต้องยอมรับว่าเรายังไม่รู้แน่ที่ผู้เขียนพระกิตติคุณเขียนไว้ว่า “ซาตานดลใจ” มีความหมายว่าอย่างไร เราทราบกันดีว่าพระเยซูรักษาคนที่ป่วยประเภทนี้มาอย่างมากมาย เหตุใดพระเยซูไม่ทรงขับผีออกจากยูดาส พระองค์ไม่ทรงสงสารสาวกคนนี้หรือ
มีนักวิชาการพระคัมภีร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้อีกหลายประการด้วยกันคือ
ขวดหินอ่อนที่ใช้ใส่น้ำหอมนารดา |
2. อาจเป็นเพราะยูดาสอยากให้พระเยซูพิสูจน์พระองค์เองต่อหน้าคนทั้งปวงให้รู้กันไปเลยว่าพระองค์เป็นใคร ซึ่งยูดาสเห็นการอัศจรรย์มามากมายหลายครั้ง แต่เมื่อพระองค์ถูกจับกลับไม่โต้ตอบอะไร ซ้ำยังถูกพิพากษาปรับโทษถึงตาย ยูดาสคงรู้สำนึกผิดที่มีส่วนทำให้คนบริสุทธิ์อย่างพระเยซูถูกปรับโทษถึงชีวิตก็เลยนำเงินมาคืน (มธ.27:3-10) แต่พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ไม่รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น ยูดาสจึงทิ้งเงินไว้ในพระวิหาร แล้วไปผูกคอตาย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ชีวิตแทนชีวิต เพราะรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
3. ยูดาสอาจต้องการผลักดันก่อให้เกิดการปฏิวัติ (เช่นเดียวกับในอดีตที่ยูดาส มัคคาเบียสได้กระทำไว้เป็นผลสำเร็จ) เพราะช่วงเวลานั้นอิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน ถ้ามีการจับพระเยซูซึ่งดุจดังเป็นผู้นำ ต้องมีการลุกหือขึ้นต่อสู้เป็นแน่ ยูดาส คงจะสังเกตเห็นว่าคราวที่พระเยซูเสด็จเข้าเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิตทรงลูกลาเข้ามา และประชาชนก็ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีดุจดังต้อนรับกษัตริย์ของพวกเขาเหมือนคราวในอดีตที่ซาโลมอนทรงล่อพระที่นั่งรับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ (1 พกษ.1:38-40) ซึ่งในจำนนสาวกของพระเยซูนั้นก็มีพวกที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองรวมอยู่ด้วยเหมือนกัน เช่น ซีโมน พรรคชาตินิยม ในเรื่องนี้สร้างความหวาดวิตกให้แก่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่เช่นกัน “ถ้าเราปล่อยเขาไว้อย่างนี้ คนทั้งปวงจะเชื่อเขา แล้วพวกโรมก็จะมาทำลายพระวิหาร และชาติของเรา” (ยน.11:45) แต่คายาฟาส กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งแทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศ” (ยน.11:50)
4. พระเยซูรู้ตัวก่อนอยู่แล้วว่าจะมีคนทรยศ โดยคำพยากรณ์จากพระคัมภีร์เดิม ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ที่เป็น 1 ใน 12 สาวกซึ่งไม่ได้เจาะจงว่า คือ “ยูดาส” “แม้ว่าเพื่อนในอกของข้าพระองค์ ผู้ซึ่งข้าพระองค์ไว้วางใจ ผู้รับประทานอาหารของข้าพระองค์ ก็ยกซ่นเท้าใส่ข้าพระองค์” (สดุดี 41:9) และสังเกตได้จากคำอธิษฐานของพระองค์ “เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่กับคนเหล่านั้น ข้าพระองค์ก็ได้พิทักษ์รักษาพวกเขา ผู้ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ และข้าพระองค์ได้ปกป้องเขาไว้ และไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเสียไป นอกจากลูกของความพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระธรรม” (ยน.17:12)
บุคลิกลักษณะของมนุษย์สลับซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้ เราจึงไม่อาจอธิบายเหตุผลที่ชัดเจนได้ว่า เหตุใดยูดาสจึงทรยศต่อพระเยซู แต่ก็พอจะสรุปได้ว่ายูดาสปล่อยให้อำนาจฝ่ายต่ำเข้าครอบงำมากเกินไป ยูดาสได้มาพบบุคคลผู้สูงสุดแล้วเช่นนี้แต่ท่านยังไม่ยอมให้บุคคลสูงสุดนั้นครอบครองจิตใจท่าน บางครั้งก็คิดเองเออเองไปก่อนพระเจ้าอีก นี่ถ้ายูดาสกลับใจดังเช่นเปโตรก็คงได้รับการอภัยโทษเช่นกัน (แม้แต่เปาโลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ข่มเหงคริสเตียนก็ยังกลับใจได้)
เรายังคงมองเห็นความผิดพลาดของยูดาสไม่ถนัดนัก แต่ที่ชัด ๆ ก็คือ เขาไม่กลับใจนั้นเอง พระเยซูทรงยกโทษให้โอกาสแก่ยูดาสทุกขณะที่สามารถทำได้ พระองค์ทักยูดาสในคืนวันที่เขามาอายัดพระองค์ว่า “สหายเอ๋ย..” (มธ.26:50) พระองค์ทรงยกโทษให้ท่านทั้งหลายได้เช่นเดียวกัน มนุษย์เรายังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า...
บทความจากหนังสือ "เรียนรู้อดีต ลิขิตอนาคต" เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1995