ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

งานของทูตสวรรค์ในช่วงยุคสุดท้าย

ช่วงนี้ผมได้ไปบรรยายหลายที่ทั่วประเทศ และเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงเสมอเมื่อพูดถึงการเสด็จกลับมาของพระเยซู นั่นคือการมาของทูตสวรรค์พร้อมกับพระเยซู

แทบจะทุกครั้งที่พระองค์มายังโลก นับตั้งแต่สมัยปฐมกาลที่นักศาสนศาสตร์เชื่อว่า บุคคลที่มาพบอับราฮัม นั่นคือพระเยซูและทูตสวรรค์

อับราฮัมต้อนรับชายแปลกหน้าสามคน

และเมื่อพระองค์จะมายังโลกในฐานะมนุษย์ (เด็กน้อย) ก็ต้องให้ทูตสวรรค์มาบอกกับมารีย์ก่อน

ทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวแก่มารีย์ เพื่อการยอมรับการเสด็จมาของพระองค์
และการรับหน้าที่มารดา

แน่นอนว่าต้องบอกโยเซฟด้วย เพราะเขากำลังวางแผนจะถอนหมั้นกับมารีย์อย่างลับๆ

ทูตสวรรค์แจ้งข่าวเดียวกันกับมารีย์ แต่ผ่านความฝัน

เมื่อพระเยซูมาประสูติก็ต้องหาพยานรู้เห็นในการประสูติของพระองค์ เพราะแค่มารีย์-โยเซฟคงไม่พอ เหล่าทูตสวรรค์จึงมากันมากมาย และแจ้งข่าวดีแก่คนเลี้ยงแกะที่อยู่ในทุ่งนา

ทูตสวรรค์แจ้งข่าวดีกับคนเลี้ยงแกะ เพราะถ้ามีเพียง 2 คนทราบข่าวดีนี้
ก็คงเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาก็ได้

และบอกให้ทั้งมารีย์-โยเซฟหลบหนีออกจากเมืองไปอยู่อียิปต์เพื่อหลบการตามล่าของทหารของเฮโรดที่สั่งสังหารเด็กเพราะการหากษัตริย์ของพวกโหราจารย์ต่างแดน

มารีย์และโยเซฟนำพระกุมารเยซูหนีไปยู่อียิปต์ ตามการเตือนของทูตสวรรค์

และในช่วงยุคสุดท้าย ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะกลับมาอย่างมากมายอีกครั้ง เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง

พระคัมภีร์ใหม่บันทึกการมาของเหล่าทูตสวรรค์
ในยุคสุดท้ายอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีใครรู้หรือสนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก

ทูตสวรรค์มาพร้อมกับพระเยซู

ทูตสวรรค์มารับคนที่พระองค์ทรงเลือกสรร

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะไดัรับการเลือกสรร แม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน
(ดูเรื่องหญิงพรหมจารี 10 คน)

ทูตสวรรค์จะนำเราไปบนเมฆ เพราะเราบินเองไม่ได้

ในยุคสุดท้ายทูตสวรรค์จะประกาศข่าวประเสริฐแทนคริสเตียน เพราะเหตุกลียุค

เป็นที่น่้าเสียดายที่ผู้นำคริสตจักรหลายแห่ง ไม่ได้สอนเรื่องราวเหล่านี้แก่สาวกของพระองค์ ดังนั้นจึงมีคริสเตียนบางคนเท่านั้นที่จะรับข้อมูลข่าวสารจากเรื่องราวเหล่านี้ได้

การสักกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

พอดีมีคนถามผมถึงเรื่องนี้ก็เลยหาข้อมูลมาให้อ่านกันสำหรับแฟนบล็อกครับผม


พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่าอย่างไรเกี่ยวกับการสัก/เจาะ ร่างกาย?



คำถาม: พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่าอย่างไรเกี่ยวกับการสัก/เจาะ ร่างกาย?

คำตอบ:
กฎในพันธสัญญาเดิมสั่งคนอิสราเอลไว้ว่า “เจ้าอย่าเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆลงที่ตัวเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์” ” (เลวีนิติ 19:28) ดังนั้นถึงแม้ว่าผู้เชื่อในปัจจุบันจะไม่ต้องถือกฎในพันธสัญญาเดิมแล้วก็ตาม (โรม 10:4; กาลาเทีย 3:23-25; เอเฟซัส 2:15) แต่ความจริงที่ว่าได้มีการสั่งห้ามการสักไว้จึงเป็นสิ่งที่เราควรถาม พันธสัญญาใหม่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับว่าผู้เชื่อควรหรือไม่ควรสัก

เมื่อพูดถึงการสักหรือเจาะร่างกาย ข้อตรวจสอบที่ดีคือให้เราพิจารณาดูว่าเราสามารถขอพระเจ้าอย่างจริงใจและไม่ รู้สึกผิด ให้อวยพรเราและใช้สิ่งที่เราทำนั้นเพื่อการดีของพระองค์ได้หรือไม่ “เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” (1 โครินธ์ 10:31) พระคัมภีร์ไม่ได้สั่งห้ามการสักหรือเจาะร่างกาย แต่ก็ไม่ได้ให้เหตุผลที่ทำให้เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงอนุญาตให้เราสักหรือเจาะ ร่างกายเช่นกัน

อีกข้อหนึ่งที่สมควรจะได้รับการพิจารณาคือ ความพอสัณฐานประมาณ พระคัมภีร์สอนให้เราแต่งตัวอย่างพอสัณฐานประมาณ (1 ทิโมธี 2:9) แง่หนึ่งเกี่ยวกับการแต่งตัวอย่างพอสัณฐานประมาณ คือ การแน่ใจว่าสิ่งที่ควรปกปิดด้วยเสื้อผ้าได้รับการปกปิดอย่างสมควร แต่ความหมายที่สำคัญของความพอสัณฐานประมาณคือ การไม่เรียกร้องความสนใจเข้ามาสู่ตนเอง คนที่แต่งตัวอย่างพอสัณฐานประมาณคือคนที่ไม่ได้แต่งตัวเพื่อดึงดูดความสนใจ การสักและการเจาะร่างกายเป็นการดึงดูดความสนใจแน่นอน ดังนั้นจากมุมมองนี้ การสักหรือเจาะร่างกายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำที่พอสัณฐานประมาณ

หลักสำคัญจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องที่พระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงตรง ๆ คือ หากการกระทำนั้นมีช่องว่างให้สงสัยว่าจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าหรือไม่ การไม่ทำก็จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะ “การกระทำใด ๆ ก็ตามที่มิได้กระทำด้วยความเชื่อก็เป็นบาปทั้งสิ้น” (โรม 14:23) เราจำเป็นที่จะต้องจำไว้ว่าร่างกายของเรา, รวมทั้งจิตวิญญาณของเรา, ได้รับการไถ่ไว้แล้วและเป็นของพระเจ้า ถึงแม้ว่าข้อพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 6:19-20 ไม่ได้พูดถึงการสักหรือเจาะร่างกายโดยตรงก็ตาม แต่มันให้หลักการกับเรา, “หลักการอะไรหรือ? ก็หลักการที่ว่า ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง นั่นไง” ความจริงที่ยิ่งใหญ่นี้ควรมีผลอย่างแท้จริงในสิ่งที่เราทำและสถานที่ ๆ เราไป หากร่างกายของเราเป็นของพระเจ้า เราควรมั่นใจว่าเราได้รับ “อนุญาต” จากพระองค์อย่างชัดเจน ก่อนที่เราจะ “ทำเครื่องหมายใด ๆ ลงที่ตัว” ด้วยรอยสักหรือการเจาะร่างกาย

ข้อมูลจาก http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-tattoos-sin.html