ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

ทูตสวรรค์และกำเนิดซาตาน


ศจ.ดร. สุรศักดิ์ กิติเรืองแสง
BIT Delivery 2008 ครั้งที่ 5 คริสตจักรสะพานเหลือง
เรื่อง ทูตสวรรค์และกำเนิดซาตาน
เมื่อวันที่ 30/11/2008
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

ต้นกำเนิดของทูตสวรรค์
ทูตสวรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งทรงสร้าง (สดุดี 148:2-5)
ความเข้าใจของชาวยิว ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากพระเจ้าทั้งหมด แม้ว่าพระคัมภีร์จะไม่ได้กล่าวชัดเจนว่าทูตสวรรค์ถูกสร้างเมื่อไร แต่ในโยบ 38:4-7 ได้บอกไว้ว่าน่าจะมีทูตสวรรค์อยู่ก่อนที่โลกจะถูกสร้าง

ลักษณะของทูตสวรรค์
ทูตสวรรค์ คือ สิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ มีความฉลาด มีอารมณ์ และเจตนารมณ์
ความฉลาด (มัทธิว 8:29; 2โครินธ์ 11:3; 1เปโตร 1:12)
มีการแสดงออกทางอารมณ์ (ลูกา 2:13; ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:17)
เจตนารมณ์ (ลูกา 8:28-31; 2ทิโมธี 2:26; ยูดา 6)
จากพระคัมภีร์บางตอน ได้กล่าวว่า ทูตสวรรค์สามารถปรากฎเป็นลักษณะเหมือนคนได้
ทูตสวรรค์มีทั้งดีและชั่วร้าย
ทางคาทอลิก เชื้อว่าทูตสวรรค์แบ่งออกเป็น 9 ชั้น

พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อบอกว่า
a. ทูตสวรรค์ไม่ใช่มนุษย์ที่รับพระสิริ
มนุษย์เราถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้า และเราก็แสดงออกถึงลักษณะของพระเจ้า แต่เราไม่ได้เป้นพระเจ้ามนุษย์กับทูตสวรรค์ต่างกัน

มัทธิว 22:30 ผู้เชื่อจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์

สดุดี 8:5 พระเจ้ามนุษย์ให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่ง

1โครินธ์ 6:3 ท้ายสุดมนุษย์ผู้ที่เชื่อก็จะพิพากษาทูตสวรรค์

b. ไม่มีรูปทางกายภาพ
เป็นวิญญาณ (ฮีบรู 1:14) ไม่มีรูปร่าง แต่มีตัวตน
"ทูตสวรรค์ทั้งปวง เป็นเพียงวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอดไม่ใช่หรือ?" (ฮีบรู 1:14 ThaiTSV2002)
เราทุกคน น่าจะมีประสบการณ์ที่ได้รับการคุ้มครอง ได้รับการช่วยเหลือจากทูตสวรรค์ แม้ว่าเราจะไม่เห็นก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงให้ทูตสวรรค์คอยดูแลปกป้องช่วยเหลือเรา
บางครั้งก็สามารถปรากฎเป็นลักษณะบุคคลได้

c. เป็นหมู่เหล่า ไม่ใช่เผ่าพันธุ์
สดุดี 148:2 ทูตสวรรค์เป็นกอง แต่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์
ลูกา 20:34-36 ไม่มีการสมรส ไม่มีการตาย
ในภาษากรีก คำว่าทูตสวรรค์ เป็นนามเพศชาย แต่จริงๆ แล้วไม่มีเพศ

d. มีปัญญาสูงกว่าปัญญามนุษย์ แต่ไม่สัพพัญญู

ความรอบรู้ของทูตสวรรค์มีความจำกัดเพราะทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าเหล่าทูตสวรรค์ไม่ได้รอบรู้ไปหมดทุกอย่างเหมือนที่พระเจ้าทรงรอบรู้ (มัทธิว 24:36)
ในศตวรรษที่ 1 รวมถึงพระธรรมโคโลสี ได้บอกว่ามีคนบางกลุ่ม ที่นมัสการทูตสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แต่ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์จะมีความรอบรู้มากกว่ามนุษย์ (2ซามูเอล 14:20)

ปัญญาของทูตสวรค์นั้นสูงกว่าของมนุษย์ เนื่องจากสาเหตุ 3 อย่าง
1. ถูกสร้างขึ้นมาในจักรวาลให้อยู่ในระดับที่สูงกว่ามนุษย์
2. ศึกษาพระคัมภีร์และโลกอย่างละเอียดมากกว่ามนุษย์มาก (ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:12)
3. ได้รับสติปัญญาจากการเฝ้าดูกิจกรรมของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน จึงไม่ต้องศึกษาอดีตเหมือนมนุษย์ เรียนรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาแล้วจึงรู้ว่าคนอื่น ๆ มีปฏิกิริยาหรือตอบโต้

e. มีพลังมากกว่ามนุษย์ แต่ไม่ได้มีฤทธานุภาพสูงสุด
2เปโตร 2:11 ฤทธานุภาพเหนือกว่ามนุษย์
เช่น ช่วยออกจากคุก (กิจการ 5:19; 12:7
กลิ้งก้อนหินออกจากอุโมงค์ (มัทธิว 28:2)
พลังจำกัด (วิวรณ์ 12:7)

f. มีภาวะสูงกว่ามนุษย์ แต่ไม่ได้อยู่ทุกหนทุกแห่ง
ไม่สามารถอยู่ต่างสถานที่ในเวลาเดียวกันได้

ประเภทของทูตสวรรค์
ทูตสวรรค์ดี
1. เหล่าทูตสวรรค์ การใช้คำในภาษากรีก มีความหมายถึง ผู้สื่อข่าว ที่จะเป็นมนุษย์หรือทูตสวรรค์ก็ได้
พระเยซูก็เคยกล่าวถึงกองของทูตสวรรค์ (มัทธิว 26:53)
ทูตสวรรค์มากมายเหลือคณานับ เป็นโกษ ๆ แสน ๆ
"แต่ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือนครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุมนุมรื่นเริงของทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้" (ฮีบรู 12:22 ThaiTSV2002)

2. พวกเครูบ อาจมีความหมายว่า ปกคลุม หรือพิทักษ์รักษา เช่น ปฐมกาล 3:24; 2พงศ์กษัตริย์ 19:15
"พระองค์​ทรง​ขับไล่​ชาย​นั้น​ออกไป และ​ทรง​ตั้ง​เหล่า​เครูบ(หมาย​ถึง ทูตสวรรค์​จำพวก​หนึ่ง) ​ทาง​ด้าน​ทิศ​ตะวันออก​ของ​สวน​เอเดน และ​ตั้ง​ดาบ​เพลิง​อัน​หนึ่ง​ที่​หมุน​ ได้​ไว้​เฝ้า​ทาง​ที่​จะ​ไป​สู่​ต้นไม้​แห่ง​ชีวิต​นั้น" (ปฐมกาล 3:24 ThaiTSV2006)
11ชื่อ​แม่น้ำ​สาย​ที่​หนึ่ง​คือ​ปิโชน เป็น​แม่น้ำ​ที่​ไหล​รอบ​แผ่นดิน​ฮาวิลาห์​ทั้ง​หมด ที่​มี​แร่​ทองคำ 12ทองคำ​ที่​บริเวณ​นั้น​เป็น​ทองคำ​เนื้อ​ดี และ​มี​ยาง​ไม้​ตะคร้ำ(ไม้​ยืนต้น​ชนิด​หนึ่ง​ที่​มี​ยางไม้​สี​เหลือง ใส และ​มี​กลิ่น​หอม) ​และ​โมรา 13ชื่อ​แม่น้ำ​สาย​ที่​สอง​คือ​กิโฮน ไหล​รอบ​แผ่นดิน​คูช​ทั้ง​หมด
เครูปได้บังไว้ ไม่ให้มนุษย์เห็น เช่นเดียวกับหีบพันธสัญญา

3. เสราฟิม ใน 1ซามูเอล 4:4; สดุดี 80:1; สดุดี 80:1; 99:1 พระเจ้าทรงประทับเหนือพวกเครูบ
อิสยาห์ 6:2,6 เสราฟินยืนอยู่เหนือพระองค์ เป็นพวกที่นำนัสการในสวรรค์ งานของพวกนี้เกี่ยวข้องกับการนมัสการและความบริสุทธิ์

4. สิ่งมีชีวิต ภาษาไทยแปลว่า สัตว์ (วิวรณ์ 4:6-9) น่าจะเป็นทูตอีกพวกหนึ่ง
สัตว์ 4 ตัวนี้ บางครั้งก็แปลว่ารวมถึงพระคัมภีร์ 4 เล่ม ได้แก่
มัทธิว อธิบายพระเยซู ผู้ซึ่งเป็นสิงห์แห่งยูดาห์ คือเป็นกษัตยิ์
มาระโก อธิบายพระเยซูผู้รับใช้
ลูกา อธิบายถึงพระเยซูผู้เป็นบุตรมนุษย์
ยอห์น อธิบายพระเยซูผู้ซึ่งเป็นพระวาทะทีได้บังเกิดเป็นมนุษย์

5. อัครเทวทูตาธิบดี มีเพียง 2 ครั้ง คือ ยูดาห์ 9 และ 1เธสะโลนิกา 4:16
ทูตผู้มีฤทธิ์ 7 องค์ คือ อูรีเอล ราฟาเอล รากูเอล มีคาเอล ซารีเอล กาเบรียล และ เรมีเอล (ชื่อจะลงท้ายด้วย "เอล" หรือ "el" เนื่องจากทูตสวรรค์เป็นทูตของพระเจ้า) ชื่อเหล่านี้บางชื่อจะอยู่ในส่วนของอธิกธรรม

6. ผู้พิทักษ์ ดาเนียล 4:13 ผู้พิทักษ์องค์บริสุทธิ์

7. บุตรของพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ไทยแปลได้ว่า บรรดาเทพบุตร และอาจหมายถึงบุตรชายของพระเจ้า (ปฐมกาล6:2)

กิจกรรมของทูตสวรรค์
1. สรรเสริญพระเจ้า
2. นมัสการพระเจ้า
3. ชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ
4. ปรนนิบัติพระเจ้า
5. ปรากฎอยู่จำเพาะพระพักตร
6. เป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้ในการพิพากษา
7. นำคำตอบสำหรับคำอธิษฐาน
8. ช่วยนำคนมาหาพระคริสต์
9. เฝ้าติดตามความระเบียบเรียบร้อย การงาน ความทุกข์ยากของคริสเตียน
10. หนุนใจในยามอันตราย
11. ดูแลผู้ชอบธรรมในยามที่เขาเสียชีวิต

ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ทรงสร้างที่แตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง มนุษย์ไม่ได้กลายเป้นทูตสวรรค์เมื่อเสียชีวิต ทูตสวรรค์ไม่มีวันตายและไม่เคยเป็นมนุษย์ พระจเทรงสร้างทูตสวรรค์เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ ไม่มีที่ไหนที่กล่าวว่าทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาของพระเจ้า เป็นสิ่งมีชีวิตและจิตวิญญาณที่สามรารถมีตัวตนได้ในระดับหนึ่ง มนุษย์มีตัวตนและมีจิตวิญญาณ สิ่งที่ยิ่งใหหญ่ที่สุดที่เราสามารถเรียนรู้จากทูตสวรรค์ได้ คือ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าอย่างทันทีทันใดโดยไม่มีคำถาม
มนุษย์เรา เป็นเหมือนทูตของพระองค์ ที่จะนำข่าวประเสริฐไปบอกแต่ผู้คน แต่มนุษย์เราก็ไม่ใช่ทูตสวรรค์

กำเนิดซาตาน
ซาตานเป็นทูตสวรรค์ที่หลุดจากตำแหน่งในสวรรค์ อันเนื่องจากความบาป และในตอนนี้มันอยู่มุมตรงข้ามกับพระเจ้าเต็มที่ ทำทุกสิ่งเท่าที่อำนาจของมันจะทำได้เพื่อขัดขวางพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ

ซาตานถูกสร้างขึ้นมาในตอนแรกในฐานทูตสวรรค์ที่บริสุทธิ์
อิสยาห์ 14:12 ก่อนที่มันจะล้มลงในความบาป มันมีชื่อว่า "ลูซิเฟอร์"
เอเซเคียล 28:12-14 ซาตานถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเครูบ และเป็นทูตสวรรค์ระดับสูงสุดที่พระเจ้าทรงสร้าง แต่มันเกิดหลงรูปงามและฐานของตัวเอง จนเกิดความทะนงตนขึ้นมา และตัดสินใจวง่ามันอยากจะนั่งบนพระบัลลังค์อยู่สูงสุด ซึ่เงป็นของพระเจ้า อิสยาห์ 14:13-14
ซาตานกลายเป็นผู้ครอบครองโลกนี้ ซึ่งเดินออกห่างจากพระเจ้า และเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ (ยอห์น 12:31; 2โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 2:2)
มันเป็นผู้กล่าวโทษ (วิวรณ์ 12:10)
ผู้ล่อใจให้ชั่ว (มัทธิว 4:3,1; 1เธสะโลนิกา 3:5)
และผู้ล่อลวง (ปฐมกาล 3; 2โครินธ์ 4:4; วิวรณ์ 20:3)
ความหมายที่แท้จริงของชื่อของมัน คือ ปรปักษ์ หรือ "ผู้ซึ่งเป็นศัตรู" อีกชื่อหนึ่งที่ซาตานถูกเรียก คือ ผีมาร ซึ่งหมายความว่า "ผู้ใส่ร้าย"

แม้ว่ามันจะถูกขับออกจากสวรรค์ มันก็ยังพยายามยกบัลลัก์ให้สูงกว่าพระเจ้า ลอกเลียนทุกอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำ ด้วยหวังที่จะได้รับการนมัสการจากมนุษย์และทำให้อาณาจักรของพระเจ้าปั่วป่วน
ซาตานคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังลัทธิเทียมเท็จและศาสนาของโลก ทุกศาสนาตัวจริง มันจะทำทุกอย่างเท่าที่มันจะมีอำนาจที่จะทำได้เพื่อต่อต้านพระเจ้า และคนที่ติดตามพระองค์ แต่จุดหมายปลายทางของมันได้ถูกประทับตราไว้แล้ว นั่นคือ บึงไฟนรกชั่วรันดร์ (วิวรณ์ 20:10)

จริงๆ แล้วซาตานไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่ในปัจจุบันจะเห็นว่าการงานของมารเกิดได้ เนื่องจากมนุษย์ยอม และเชื่อฟังมัน

คริสเตียนถูกผีมารครอบงำได้ไหม?

คำตอบ: พระคัมภีร์ไม่ได้บอกชัดเจนว่าคริสเตียนจะถูกครอบงำโดยผีมารได้ไหม แต่เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในเรา (โรม 8:9-11; 1 โครินธ์ 3:16; 6:19) จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงอนุญาตให้ผีมารเข้าครอบครองผู้ที่พระองค์ทรงสถิตอยู่

เรารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถถูกโต้แย้งได้ แต่เราเชื่อมั่นคงว่าคริสเตียนไม่สามารถถูกครอบงำโดยผีมารได้ เราเชื่อว่ามีข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการถูกครอบงำกับการถูกก่อกวน/รบกวนโดยผีมาร การถูกครอบงำหมายถึงการมีอำนาจควบคุมเหนือความคิด และ/หรือการกระทำของคน ๆ นั้น (ลูกา 4:33-35; 8:27-33; มัทธิว 17:14-18)

การครอบงำ/มีอิทธิพลต่อชีวิต หมายถึงผีมารหรือพวกของมันโจมตีคนๆ นั้นฝ่ายวิญญาณ และ/หรือบังคับให้คน ๆ นั้นทำความบาป (1 เปโตร 5:8-9; ยากอบ 4:7)

ท่านจะสังเกตว่าตลอดทั่วพันธสัญญาใหม่ที่พูดถึงสงครามฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์ไม่เคยบอกให้เราขับวิญญาณชั่วออกจากผู้เชื่อ (เอเฟซัส 6:10-18) แต่บอกให้เราต่อสู้กับมัน (1 เปโตร 5:8-9; ยากอบ 4:7) ไม่ใช่ขับมันออกไป

ข้าพเจ้าไม่เคยมีความคิดอยู่ในสมองเลยว่าพระเจ้าจะทรงอนุญาตให้ลูกๆ ของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ด้วยพระโลหิตของพระคริสต์ (1 เปโตร 1:18-19) และทรงสร้างขึ้นมาใหม่ (2 โครินธ์ 5:17) – ถูกผีมารซาตานครอบงำและควบคุมได้ แน่นอน, ในฐานะผู้เชื่อ, เราขับเขี้ยวกับซาตานและสมุนของมัน แต่ไม่ใช่ภายในเรา ข้อพระคัมภีร์ 1 ยอห์น 4:4 กล่าวว่า “ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก”

ใครคือผู้ที่ทรงสถิตอยู่ในเรา? พระวิญญาณบริสุทธิ์ ใครคือผู้ที่อยู่ในโลก? ซาตานและสมุนของมัน

บทความจาก https://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Christian-possessed.html

พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับการถูกผีมารครอบงำ/โดนผีมารครอบงำ?

คำตอบ: พระคัมภีร์มีตัวอย่างสองสามตัวอย่างเกี่ยวกับคนถูกผีมารครอบงำหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมาร จากตรงนี้เราจะมาดูกันถึงอาการบางอย่างของคนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมาร และจะได้รู้ว่าผีมารเข้าครอบงำผู้คนได้อย่างไรพร้อมกันไป

ต่อไปนี้เป็นข้อพระคัมภีร์บางข้อ( มัทธิว 9:32-33; 12:22; 17:18; มาระโก 5:1-20; 7:26-30; ลูกา 4:33-36; ลูกา 22:3; กิจการ 16:16-18) จากข้อพระคัมภีร์บางข้อเราจะเห็นว่าการถูกครอบงำโดยผีมารก่อให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย, เช่น พูดไม่ได้ เป็นลมชัก มองไม่เห็น ฯลฯ ในบางกรณีมันจะทำให้คน ๆ นั้นทำสิ่งที่ชั่วร้าย, ยูดาสเป็นตัวอย่างสำคัญตัวอย่างหนึ่ง

ในหนังสือกิจการ 16:16-18 วิญญาณชั่วดูเหมือนว่าจะทำให้ทาสหญิงคนหนึ่งรู้บางสิ่งบางอย่างเหนือความสามารถของเธอเอง ในกรณีของคนที่ถูกผีกลุ่มใหญ่สิงที่แดนกาดารา เขามีกำลังเหนือธรรมชาติ เดินแก้ผ้าไปทั่ว และอาศัยอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ

ส่วนกษัตริย์ซาอูลหลังจากที่ทรงกบฏต่อพระเจ้า วิญญาณชั่วก็ได้รับอนุญาตให้ทรมานพระองค์(1 ซามูเอล 16:14-15; 18:10-11; 19:9-10) พระอาการที่มองเห็นได้คือทรงมีอารมณ์หงุดหงิด อยากและพร้อมที่จะฆ่าดาวิดได้ทุกเมื่อยังมีอาการอีกมากมายของการถูกครอบงำโดยวิญญาณชั่ว เช่น
การมีอาการผิดปกติทางร่างกายที่ไม่ได้มาจากปัญหาทางร่างกายตามปกติ,
บุคลิกภาพเปลี่ยนไป เช่น มีอารมณ์หดหู่มากผิดปกติ หรือ ก้าวร้าวอย่างไม่มีเหตุผล,
มีกำลังมากเกินปกติ, ไม่อาย, หรือ วางตัวในสังคมอย่าง “ปกติ” ไม่ได้ หรือบางทีก็สามารถให้ข้อมูลที่โดยปกติคนอื่นไม่สามารถรู้ได้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดอาจมีคำอธิบายอย่างอื่นได้

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะไม่ตัดสินโดยทันทีว่าคนที่มีความรู้สึกหดหู่ หรือเป็นโรคลมชัก จะต้องถูกครอบงำโดยผีมาร แต่ข้าพเจ้าคิดว่าวัฒนธรรมตะวันตกไม่ค่อยเห็นว่าการเข้ามาเกี่ยวข้องของมารซาตานในชีวิตผู้คนเป็นเรื่องใหญ่นักนอกจากอาการทางร่างกายและอารมณ์ที่แปลกไปแล้ว เราสามารถสังเกตอาการของคนที่ถูกวิญญาณชั่วเข้าครอบงำได้จากอาการทางจิตวิญญาณด้วย

อาการเหล่านี้อาจจะเป็นการไม่ยอมยกโทษ (2 โครินธ์ 2:10-11) และการเชื่อในคำสอนที่ผิด, โดยเฉพาะคำสอนที่เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และการถวายพระองค์เป็นเครื่องไถ่บาป (2 โครินธ์ 11:3-4,13-15; 1 ทิโมธี 4:1-5; 1 ยอห์น 4:1-3)

เมี่อพูดเกี่ยวกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับผีมารในชีวิตของคริสเตียน อัครทูตเปโตรเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้เชื่อสามารถถูกอิทธิพลของผีมารควบคุมได้ (มัทธิว 16:23) บางคนเรียกคริสเตียนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมารอย่างแรงถูก “ผีเข้า” แต่ในพระคัมภีร์ไม่มีตัวอย่างให้เห็นเลยว่าผู้เชื่อในพระคริสต์ถูกครอบครองโดยผีมาร และนักศาสนศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าคริสเตียนไม่สามารถถูกครอบครองโดยผีมารได้ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในเขา (2 โครินธ์ 1:22; 5:5; 1 โครินธ์ 6:19)

เราไม่รู้แน่นอนว่าคนๆ หนึ่งถูกวิญญาณชั่วเข้าครอบครองได้อย่างไร หากยกกรณีของยูดาสเป็นตัวอย่าง เราจะเห็นว่าเขาเปิดใจต่อสิ่งชั่วร้าย (ในกรณีนี้คือความละโมบ – ยอห์น 12:6)

ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าหากคนๆ หนึ่งยอมเปิดใจให้ความบาปบางอย่างเข้ามาจนติดเป็นนิสัย … มันก็จะกลายเป็นการเชิญชวนให้ผีมารเข้ามาครอบครองเขา จากประสบการณ์ของมิชชั่นนารี ดูเหมือนว่าวิญญาณชั่วสามารถเข้าครอบครองได้โดยการกราบไหว้รูปเคารพของคนนอกศาสนา และการมีสิ่งของที่ใช้เกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาไว้ในครอบครอง

พระคัมภีร์บอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าการกราบไหว้รูปเคารพก็เหมือนกับการกราบไหว้ผีมารวิญญาณชั่ว (เลวีนิติ 17:7; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:17; สดุดี 106:37; 1 โครินธ์ 10:20) ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าการเกี่ยวข้องและปฏิบัติตามศาสนาเหล่านั้นสามารถนำไปสู่การเข้าครอบครองของผีมารได้

ข้าพเจ้าเชื่อโดยถือข้อพระคัมภีร์ต่างๆ ข้างต้นเป็นหลัก ประกอบกับประสบการณ์ของมิชชั่นนารีหลาย ๆ ท่าน ว่ามีคนหลายคนที่เปิดชีวิตตัวเองให้กับผีมารวิญญาณชั่วด้วยการไม่ยอมทิ้งความบาปบางอย่าง หรือโดยการเข้าไปเกี่ยวข้องกับลัทธิบางอย่าง (โดยรู้หรือไม่รู้ตัวก็ได้) ตัวอย่างคือ อาจเป็นความประพฤติที่ผิดศีลธรรม; การเสพยาเสพติด/ของมึนเมา … เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้สติสัมปชัญญะของผู้คนเปลี่ยนไป; ความดื้อรั้น, ความขมขื่น, การนั่งทางใน เป็นต้น ในวัฒนธรรมตะวันตกเราจะเห็นว่ามีการเผยแพร่ศาสนาตะวันออกมากขึ้นภายใต้ชื่อว่าศาสนานิวเอจ

มีบางอย่างที่เราต้องจำไว้ให้ดี นั่นคือซาตานและสมุนที่ชั่วร้ายของมันไม่สามารถทำอะไรใครได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า (โยบ 1, 2) และด้วยเหตุนี้, ในขณะที่ซาตานคิดว่ามันกำลังทำให้ความต้องการของมันสำเร็จ, จริง ๆ แล้วมันกำลังทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จนั่นเอง… แม้กระทั่งเรื่องการทรยศของยูดาส…

มีบางคนลุ่มหลงอยู่กับกิจกรรมลึกลับหรือเกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาซึ่งไม่ปลอดภัย การกระทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดและไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ หากเราติดตามพระเจ้าด้วยชีวิตของเรา สวมยุทธภัณฑ์ของพระองค์ และพึ่งพาพระกำลังของพระองค์ (ไม่ใช่ของเราเอง) (เอเฟซัส 6:10-18) เราไม่มีอะไรที่ต้องกลัวพวกวิญญาณชั่วเพราะพระเจ้าทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง

บทความจาก https://www.gotquestions.org/Thai/Thai-demon-possession.html

ซาตานคือใคร? (1)


คำตอบ: ความเชื่อของคนเกี่ยวกับซาตานมีตั้งแต่ไม่เป็นเรื่องไปถึงเป็นเรื่องที่ต้องนำมาขบคิด คือ จากการเป็นคนตัวเล็กๆ สีแดงมีเขา นั่งอยู่บนไหล่ท่านคอยชวนให้ท่านทำบาป ไปจนถึงการสื่อความหมายว่ามันเป็นตัวแห่งความชั่วร้าย แต่พระคัมภีร์บอกเราชัดเจนว่าซาตานเป็นใคร, และมันมีผลต่อชีวิตของเราอย่างรา ง่ายๆ

พระคัมภีร์บอกว่าซาตานเป็นทูตสวรรค์ที่หลุดจากตำแหน่งของมันในสวรรค์อันเนื่องมาจากความบาป และในตอนนี้มันอยู่มุมตรงข้ามกับพระเจ้าเต็มที่ ทำทุกสิ่งเท่าที่อำนาจของมันจะทำได้เพื่อขัดขวางพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ

ซาตานถูกสร้างขึ้นมาในตอนแรกในฐานะทูตสวรรค์ที่บริสุทธิ์ หนังสืออิสยาห์ 14:12 บอกว่าก่อนที่มันจะล้มลงในความบาปมันมีชื่อว่าลูซิเฟอร์

หนังสือเอเสเคียล 28:12-14 บอกว่าซาตานถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเครูป, และเป็นทูตสวรรค์ระดับสูงสุดที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง แต่มันเกิดหลงรูปงามและฐานะของตัวเองจนเกิดความทะนงตนขึ้นมา และตัดสินใจว่ามันอยากจะนั่งบนพระบัลลังก์อยู่สูงสุดซึ่งเป็นของพระเจ้า (อิสยาห์ 14:13-14; เอเสเคียล 28:15; 1 ทิโมธี 3:6)

ความยโสของมันทำให้มันล้มลงในความบาป ให้สังเกตคำว่า “ข้าจะ…” ในหนังสืออิสยาห์ 14:12-15 เพราะความบาปของมันพระเจ้าจึงทรงโยนมันออกจากสวรรค์

ซาตานกลายเป็นผู้ครอบครองโลกนี้ซึ่งเดินออกห่างจากพระเจ้า และเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ (ยอห์น 12:31; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 2:2)

มันเป็นผู้กล่าวโทษ (วิวรณ์ 12:10),

ผู้ล่อใจให้ชั่ว (มัทธิว 4:3; 1 เธสะโลนิกา 3:5),

และผู้ล่อลวง (ปฐมกาล 3; 2 โครินธ์ 4:4; วิวรณ์ 20:3)

ความหมายที่แท้จริงของชื่อของมันคือปรปักษ์ หรือ “ผู้ซึ่งเป็นศัตรู” อีกชื่อหนึ่งที่ซาตานถูกเรียก คือ ผีมาร ซึ่งหมายความว่า “ผู้ใส่ร้าย”

แม้ว่ามันจะถูกขับออกจากสวรรค์, มันก็ยังพยายามยกบัลลังก์ของมันให้สูงกว่าของพระเจ้า มันลอกเลียนทุกอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำ ด้วยหวังที่จะได้รับการนมัสการจากมนุษย์และทำให้อาณาจักรของพระเข้าปั่นป่วน ซาตานคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังลัทธิเทียมเท็จและศาสนาของโลกทุกศาสนาตัวจริง มันจะทำทุกอย่างเท่าที่มันมีอำนาจที่จะทำได้เพื่อต่อต้านพระเจ้า และคนที่ติดตามพระองค์ แต่จุดหมายปลายทางของมันได้ถูกประทับตราไว้แล้ว นั่นคือ บึงไฟนรกชั่วนิรันดร์ (วิวรณ์ 20:10)

พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับผีมารไว้ว่าอย่างไรบ้าง?

คำตอบ: วิวรณ์ 12:9 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่บอกเกี่ยวกับผีมารไว้อย่างชัดเจนที่สุด “พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลกก็ถูกผลักทิ้งลงไป พญานาคและบริวารของมันก็ถูกผลักทิ้งลงไปในแผ่นดินโลก”

พระคัมภีร์บอกว่าผีมารคือพวกทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาป - ทูตสวรรค์รวมถึงซาตานที่กบฏต่อพระเจ้า – พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องการที่ซาตานถูกผลักตกลงมาจากสวรรค์ไว้ในหนังสือ อิสยาห์ 14:12-15 และ เอเสเคียล 28:12-15 หนังสือ วิวรณ์ 12:4 พูดเหมือนกับว่าซาตานดึงเอาทูตสวรรค์หนึ่งในสามมากับมันด้วยตอนที่มันทำบาป

หนังสือยูดาห์ข้อ 6 พูดถึงทูตสวรรค์ที่ทำบาป ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ว่าผีมารคือทูตสวรรค์ที่ทำตามอย่างซาตานโดยการทำบาปกับพระเจ้าตอนนี้ ซาตานและสมุนที่ชั่วร้ายของมันกำลังคอยจ้องที่จะทำลายและหลอกลวงผู้ที่ติดตามพระเจ้าและนมัสการพระองค์ (1 เปโตร 5:8; 2 โครินธ์ 11:14-15)

ผีมารถูกอธิบายว่าเป็นวิญญาณชั่ว (มัทธิว 10:1) ผีโสโครก (มาระโก 1:27) และทูตของซาตาน (วิวรณ์ 12:9) ซาตานและสมุนของมันล่อลวงโลก (2 โครินธ์ 4:4),

โจมตีคริสเตียน (2 โครินธ์ 12:7; 1 เปโตร 5:8)

และทำสงครามกับทูตสวรรค์ที่ดี (วิวรณ์ 12:4-9)

ผีมารเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปร่าง แต่มันสามารถปลอมตัวให้เห็นเป็นรูปร่างได้ (2 โครินธ์ 11:14-15)

ผีมาร/ทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปเป็นศัตรูของพระเจ้า – แต่เป็นศัตรูที่แพ้ไปเรียบร้อยแล้ว พระองค์ผู้สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก (1 ยอห์น 4:4)

บทความจาก https://www.gotquestions.org/Thai/Thai-demons.html

พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับทูตสวรรค์ว่าอย่างไร?


คำตอบ: ทูตสวรรค์คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ มีความฉลาด มีอารมณ์ และ เจตนารมณ์ ทูตสวรรค์มีทั้งดีและชั่วร้าย ทูตสวรรค์มีความฉลาด (มัทธิว 8:29; 2 โครินธ์ 11:3; 1 เปโตร 1:12) มีการแสดงออกทางอารมณ์ (ลูกา 2:13; ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:17) และเจตนารมณ์ (ลูกา 8:28-31: 2 ทิโมธี 2:26; ยูดา 6) 1:14 ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณ (ฮีบรู 1:14) ที่ไม่มีรูปร่าง แต่การไม่มีรูปร่างไม่ได้หมายถึงว่าทูตสวรรค์ไม่มีตัวตน (เช่นเดียวกับพระเจ้า)

ความรอบรู้ของทูตสวรรค์มีความจำกัดเพราะทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าเหล่าทูตสวรรค์ไม่ได้รอบรู้ไปหมดทุกอย่างเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรอบรู้ ((มัทธิว 24:36)
แต่ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์จะมีความรอบรู้มากกว่ามนุษย์ นี่อาจเป็นเพราะสาเหตุสามอย่าง คือ
1) ทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาในจักรวาลให้อยู่ในระดับสูงกว่ามนุษย์ ดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์จึงมีความรู้ที่มากกว่าโดยปริยาย
2) ทูตสวรรค์ศึกษาพระคัมภีร์และโลกอย่างละเอียดกว่ามนุษย์มากจึงได้รับสติปัญญาจากการศึกษานั้น (ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:12)
3) ทูตสวรรค์ได้รับสติปัญญาจากการเฝ้าดูกิจกรรมของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน ทูตสวรรค์ไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาอดีตเหมือนมนุษย์; ทูตสวรรค์เรียนรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาแล้วจึงรู้ว่าคนอื่น ๆ มีปฏิกิริยาหรือตอบโต้อย่างไรในสถานการณ์นั้น ๆ และสามารถทำนายค่อนข้างจะถูกต้องว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าทูตสวรรค์จะมีเจตนารมณ์ แต่พวกเขาก็ต้องจำนนต่อเจตนารมณ์ของพระเจ้าเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง ทูตสวรรค์ที่ดีถูกพระเจ้าส่งมาให้ช่วยผู้เชื่อ (ฮีบรู 1:14)

กิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือกิจกรรมที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นกิจกรรมของทูตสวรรค์:

ก. สรรเสริญพระเจ้า (สดุดี 148:1,2; อิสยาห์ 6:3)
ข. นมัสการพระเจ้า (ฮีบรู 1:6; วิวรณ์ 5:8-13)
ค. ชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ (โยบ 38:6-7)
ง. ปรนนิบัติพระเจ้า (สดุดี 103:20; วิวรณ์ 22:9)
จ. ปรากฏอยู่จำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า (โยบ 1:6; 2:1)
ฉ. เป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้ในการพิพากษา (วิวรณ์ 7:1; 8:2)
ช. นำคำตอบสำหรับคำอธิษฐานมาให้ (กิจการ 12:5-10)
ซ. ช่วยในการนำคนมาหาพระคริสต์ (กิจการ 8:26; 10:3)
ฌ. เฝ้าติดตามความเป็นระเบียบเรียบร้อย, การงาน, และความทุกข์ยากของคริสเตียน
ญ. หนุนใจในยามอันตราย (กิจการ 27:23,24)
ฎ. ดูแลผู้ชอบธรรมในยามที่เขาเสียชีวิต (ลูกา 16:22)

ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ทรงสร้างที่แตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง มนุษย์ไม่ได้กลายเป็นทูตสวรรค์เมื่อเสียชีวิต ทูตสวรรค์ไม่มีวันและไม่เคยเป็นมนุษย์ พระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ ไม่มีที่ไหนในพระคัมภีร์ที่กล่าวว่าทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายของพระเจ้าดังที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ (ปฐมกาล 1:26) ทูตสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตและจิตวิญญาณที่สามารถมีตัวตนได้ในระดับหนึ่ง มนุษย์มีตัวตนและมีจิตวิญญาณ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราสามารถเรียนรู้จากทูตสวรรค์ได้ คือ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าอย่างทันทีทันใดโดยไม่มีคำถาม