ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คริสเตียนกินหมูบาปไหม?

หลายคนก็คงรู้มาบ้างว่า ‪คนยิว‬ ไม่กิน ‪‎หมู‬ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่เพียงแต่ไม่กินเท่านั้นแตะยังไม่ได้เลย จริงๆ ไม่ใช่แค่หมูเท่านั้นที่ห้ามกิน ยังมีอูฐ กระต่าย กระจงผา ก็ห้ามกิน รวมไปถึง นกกระจอกเทศ ตัวเงินตัวทอง นกหลา่ยชนิด หนู กิ้งก่า แย้ (คนอีสานเดือนร้อนแน่ มาอ่านเจอตรงนี้) ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นมลทิน เป็นข้อห้ามจากหนังสือ เลวีนิติ บทที่ 11

The swineherd then gave orders to his men:
‘Bring in our best pig for a stranger’s dinner. A feast will do our hearts good too; we know grief and pain, hard scrabbling with our swine, while the outsiders live on our labor.’
Bronze axe in hand, he turned to split up kindling, while they drove in a tall boar, prime and fat, planting him square before the fire. The gods, as ever, had their due in the swineherd’s thought, for he it was who tossed the forehead bristles as a first offering on the flames, calling upon the immortal gods to let Odysseus reach his home once more. Homer, Odyssey, Bk XIV








วิธีแก้มลทิน
ถ้า​ใคร​เป็น​มลทิน​เพราะ​สิ่ง​เหล่านี้ เขา​จะ​ต้อง​รีบ​ชำระ​ตัวถ้า​ไม่​ไป​ชำระ​ตัว​ตาม​กำหนด​เวลา ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เพราะ​เขา​เพิกเฉย​หรือ​ลืม​เลือน​ไป เขา​จะ​ต้อง​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ลบ​ล้าง​บาป ดู 5:2-6

  • (5:2)  หรือ​ผู้​ใด​แตะ​ต้อง​สิ่ง​ที่​เป็น​มลทิน จะ​เป็น​ซาก​สัตว์​ป่า​ที่​เป็น​มลทิน หรือ​ซาก​สัตว์​เลี้ยง​ที่​เป็น​มลทิน หรือ​ซาก​สัตว์​ที่​เคลื่อน​ที่​ติด​พื้น​ดิน​ที่​เป็น​มลทิน​โดย​ไม่​ทัน​รู้​ตัว เขา​จึง​เป็น​มลทิน​และ​มี​ความ​ผิด 
  • (5:3)  ถ้า​เขา​แตะ​ต้อง​มลทิน​ของ​คน จะ​เป็น​สิ่ง​ใด​ก็​ตาม​ที่​ทำ​ให้​เขา​เป็น​มลทิน​โดย​ไม่​รู้​ตัว แล้ว​รู้​ที​หลัง เขา​ยัง​คง​มี​ความ​ผิด 
  • (5:4)  ถ้า​คน​ใด​เผลอ​ตัว​กล่าว​คำ​สาบานว่า​จะ​ทำ​ชั่ว​หรือ​ดี หรือ​เผลอ​ตัว​กล่าว​คำ​สาบาน​ใดๆ โดย​ไม่​ยั้ง​คิด แล้ว​เขา​นึก​ขึ้น​ได้​ภาย​หลัง เขา​มี​ความ​ผิด​ใน​เรื่อง​นั้นๆ 
  • (5:5)  เมื่อ​ผู้​ใด​มี​ความผิด​เรื่อง​หนึ่ง​เรื่อง​ใด​ตาม​ที่​กล่าว​มา​นี้ ก็​ให้​เขา​สาร​ภาพ​บาป​ที่​เขา​ได้​ทำ 
  • (5:6)  และ​ให้​เขา​นำ​เครื่อง​บูชา​เป็น​ค่า​ปรับ​สำหรับ​บาป​ซึ่ง​เขา​ได้​ทำ​นั้น​มา​ถวาย​แด่​พระ​ยาห์​เวห์ จะ​เป็น​สัตว์​ตัว​เมีย​จาก​ฝูง ลูก​แกะ​หรือ​แพะ​ก็​เป็น​เครื่อง​บูชา​ลบ​ล้าง​บาป​ได้ โดย​วิธี​นี้​ปุโร​หิต​จะ​ลบล้าง​บาป​ของ​เขา 


ชาวกรีกใช้ วัว แกะ หมู เชือดถวายแด่เทพเจ้าของพวกเขาด้วย
แต่ที่ "หมู" กลายมาเป็นประเด็นใหญ่ เพราะ หมู ดันเป็นสัตว์มลทินที่ใช้บูชาเทพเจ้าอย่าง เทพเจ้าซุสของชาวกรีก (จริงๆ ชาวกรีกก็ใช้วัว ใช้แกะ บูชาด้วยเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้เป็นสัตว์มลทินจึงไม่เป็นประเด็น)

สัตว์เหล่านี้ต่อมาก็กลายเป็นอาหารประจำถิ่นของชาวยุโรปไปในตัว
เนื้อสัตว์ที่เหลือจากการถวายบูชาแด่เทพเจ้า ถูกพัฒนาเป็นอาหารประจำถิ่นไป เยอรมันมีชื่อเสียงเรื่องการทำขาหมูเป็นอาหาร และชาติอื่นๆ ในยุโรปที่มีเมนู เนื้อหมู-PORK, เนื้อวัว-BEEF, เนื้อแกะ-LAMP ซึ่งก็อร่อยมากด้วย

(จริงๆ แม้แต่ปุโรหิตของชาวยิวก็กินเนื้อสัตว์จากการถวายบูชาแด่พระเจ้าเช่นกัน)



ในสมัยที่กรีกมาปกครองอิสราเอล มีการเอา หมู เข้าไปบูชาเทพเจ้ากรีก (เทพซุส) ในพระวิหาร คนยิวจึงทนไม่ได้ก่อกบฎ และชนะโดยมีผู้นำคือ "ยูดาส แมคคาเบียส" ต่อมากลายเป็นราชวงศ์แมคคาบีย์ ปกครองอิสราเอลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพ่ายแพ้และอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน

และในสมัยพระเยซูก็มีการเลี้ยงหมูในแถบทศบุรี หรือ Decapolis พระเยซูอนุญาตให้ผีเข้าหมู จนพวกมันตกลงหน้าผาตายไปประมาณ 2,000 ตัว (มก.5, ลก.8)

เดกะโบลิส Decapolis หรือ ทศบุรี คือถิ่นที่อยู่ของชนต่างชาติ และหลายคนเลี้ยงหมูขาย
แม้แต่คำอุปมาของพระเยซู เรื่องบุตรน้อยหลงหาย ในช่วงท้ายของเรื่อง เขาก็ไปเลี้ยงหมู

 

ที่มีการเลี่ยงหมูในแถบอิสราเอลด้วยเพราะอิสราเอลเป็นเมืองขึ้นกรีก-โรมันอยู่ และมีพวกนิยมกรีกยังคงใช้หมูบูชาเทพเจ้าของเขา

ในประเทศไทย การแก้บนมักใช้หัวหมู จนกลายเป็นสัญลักษณ์


บางครั้งบนเอาไว้ถึง 300 หัวเลย การแก้บนจึงเป็นอย่างที่เห็น ไม่รู้ว่าพัฒนาความเชื่อมาจากคนจีน หรือฝรั่งกันแน่
จนมาถึงวันนี้คนยิวจึงไม่กินหมู เหตุเพราะเป็นสัตว์มลทิน รวมไปถึงชาวมุสลิมที่มีความเชื่ออันเชื่อมต่อกัน ก็ไม่กินหมูด้วย

ที่แปลกจนชินตาก็คือประเทศไทยเรามีการนำหัวหมูมาแก้บน เชื่อมโยงกับความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าจีน หรือเทพฝรั่งกันแน่? อันนี้กำลังสืบหาที่มา...

มาสู่ประเด็นสำคัญที่อยากจะบอกเล่า... แล้วคริสเตียนที่มาเชื่อพระเจ้าของชาวยิวโดยผ่านทางพระเยซู กินหมูได้ไหม?

ส่วนตัวของผมนั้น ผมกินเนื้อหมูครับ ในฐานะคนต่างชาติที่มาเชื่อพระเจ้า เพราะกินก่อนมาเชื่อและเรื่อยมา ไม่เคยรู้ธรรมเนียมยิว หรือธรรมบัญญัติข้อห้าม (เว้นแต่เรื่องกินเลือด ค่อยมาเล่าสู่กันฟังอีกที)

แต่พอทราบว่ามีพี่น้องคริสเตียนบางคนไม่กินหมู เพราะเขาถือตามบัญญัติในเลวีนิติ (ไม่รู้รวมถึงสัตว์มลทินทั้งหมดของเลวีนิต บทที่ 11 ด้วยหรือเปล่า) ผมก็จะไม่สั่งกินเมนูหมูในโต๊ะเดียวกัน อดไว้กินมื้ออื่นเพื่อเห็นแก่ความเชื่อของเขา

เปาโลเองก็เคยหนุนใจพี่น้องผ่านจดหมายฝาก-โรม บทที่ 14 น่าจะเป็นคำตอบของทุกท่านที่มาอ่านบทความนี้นะครับ



และพระเยซูเองก็เล่าเรื่องคำอุปมาเรื่อง บุตรน้อยหลงหาย ที่ปลายทางของเขาไปเลี้ยงหมู สุดท้ายเขาก็กลับมาหาพ่อ และได้รับการให้อภัย

การเลี้ยงหมู อยู่ในคำอุปมาของพระเยซูด้วย


ลูกา บทที่ 15 ข้อ 11 พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ชาย​คน​หนึ่ง​มี​บุตร​สอง​คน 12 บุตร​คน​เล็ก​พูด​กับ​บิดา​ว่า ‘พ่อ ขอ​แบ่ง​ทรัพย์​สิน​ส่วน​ที่​ตก​เป็น​ของ​ลูก​ให้​ลูก​ด้วย’ บิดา​จึง​แบ่ง​สม​บัติ​ให้​แก่​บุตร​ทั้ง​สอง 13 ต่อ​มา​ไม่​กี่​วัน บุตร​คน​เล็ก​นั้น​ก็​รวบ​รวม​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​แล้ว​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​เมือง​ไกล และ​ผลาญ​ทรัพย์​สิน​ของ​ตน​ที่​นั่น​ด้วย​การ​ใช้​ชีวิต​แบบ​ฟุ่ม​เฟือย 14 เมื่อ​ใช้​จ่าย​จน​หมด​สิ้น​ทุก​อย่าง​แล้ว ก็​เกิด​กัน​ดาร​อาหาร​อย่าง​รุน​แรง​ทั่ว​เมือง​นั้น เขา​จึง​เริ่ม​ขาด​แคลน 15 เขา​ไป​อา​ศัย​อยู่​กับ​ชาว​เมือง​นั้น​คน​หนึ่ง และ​คน​นั้น​ก็​ใช้​เขา​ไป​เลี้ยง​หมู​ที่​ทุ่ง​นา 16 เขา​อยาก​จะ​อิ่ม​ท้อง​ด้วย​ฝัก​ถั่ว​ที่​หมู​กิน​นั้น แต่​ไม่​มี​ใคร​ให้​อะไร​เขา​เลย 17 เมื่อ​เขา​สำ​นึก​ตัว​ได้ จึง​พูด​ว่า ‘ลูก​จ้าง​ของ​พ่อ​ไม่​ว่า​จะ​มี​มาก​สัก​แค่​ไหน​ก็​ยัง​มี​อาหาร​เหลือ​เฟือ แต่​ข้า​กลับ​ต้อง​มา​อด​ตาย​ที่นี่ 18 ข้า​น่า​จะ​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​พ่อ และ​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “พ่อ ลูก​ผิด​ต่อ​สวรรค์​และ​ผิด​ต่อ​ท่าน​ด้วย 19 ไม่​สม​ควร​จะ​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​ลูก​ของ​พ่อ​อีก​ต่อ​ไป ขอ​โปรด​ให้​ลูก​อยู่​ใน​ฐานะ​ของ​ลูก​จ้าง​คน​หนึ่ง​ของ​ท่าน​เถิด” ’ 20 แล้ว​เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​บิดา แต่​เมื่อ​เขา​ยัง​อยู่​แต่​ไกล บิดา​ก็​เห็น​เขา​และ​มี​ใจ​สงสาร จึง​วิ่ง​ออก​ไป​กอด​คอ​และ​จูบ​แก้ม​ของ​เขา 21 บุตร​คน​นั้น​จึง​กล่าว​กับ​บิดา​ว่า ‘พ่อ ลูก​ผิด​ต่อ​สวรรค์​และ​ผิด​ต่อ​ท่าน​ด้วย ไม่​สม​ควร​จะ​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​ลูก​ของ​พ่อ​อีก​ต่อ​ไป’ 22 แต่​บิดา​สั่ง​พวก​บ่าว​ของ​ตน​ว่า ‘จง​รีบ​ไป​เอา​เสื้อ​ที่​ดี​ที่​สุด​ออก​มา​สวม​ให้​เขา เอา​แหวน​มา​สวม​ที่​นิ้ว​มือ และ​เอา​รอง​เท้า​มา​สวม​ให้​ด้วย 23 และ​จง​ไป​เอา​ลูก​วัว​ตัว​ที่​อ้วน​พี​มา​ฆ่า​เลี้ยง​กัน​เพื่อ​ความ​รื่น​เริง 24 เพราะ​ว่า​ลูก​ของ​เรา​คน​นี้​ตาย​แล้ว​แต่​กลับ​เป็น​ขึ้น​อีก หาย​ไป​แล้ว​แต่​ได้​พบ​กัน​อีก’ พวก​เขา​ต่าง​ก็​มี​ความ​รื่น​เริง
 25 “ส่วน​บุตร​คน​โต​นั้น​อยู่​ที่​ทุ่ง​นา เมื่อ​เขา​กลับ​มา​ใกล้​จะ​ถึง​บ้าน ก็​ได้​ยิน​เสียง​ดนตรี​และ​การ​เต้น​รำ 26 เขา​จึง​เรียก​บ่าว​คน​หนึ่ง​มา​ถาม​ว่า ‘นี่​มัน​อะไร​กัน?’ 27 บ่าว​จึง​ตอบ​ว่า ‘น้อง​ของ​ท่าน​กลับ​มา​แล้ว และ​พ่อ​ของ​ท่าน​ให้​ฆ่า​ลูก​วัว​ตัว​ที่​อ้วน​พี​เพราะ​ท่าน​ได้​ลูก​กลับ​มา​อย่าง​ปลอด​ภัย’ 28 พี่​ชาย​ก็​โกรธ​ไม่​ยอม​เข้า​ไป บิดา​จึง​ออก​มา​ชวน​เขา 29 แต่​เขา​บอก​บิดา​ว่า ‘พ่อ ดู​ซิ ลูก​รับ​ใช้​พ่อ​มา​กี่​ปี​แล้ว และ​ไม่​เคย​ละเมิด​คำ​บัญ​ชา​ของ​พ่อ​สัก​ข้อ​หนึ่ง แต่​พ่อ​ก็​ไม่​เคย​ให้​แม้​แต่​ลูก​แพะ​สัก​ตัว​หนึ่ง​แก่​ลูก เพื่อ​เลี้ยง​ฉลอง​กับ​เพื่อน​ฝูง 30 แต่​กับ​ลูก​คน​นี้​ของ​พ่อ​ซึ่ง​ผลาญ​สมบัติ​ของ​พ่อ​ด้วย​การ​คบ​กับ​พวก​หญิง​โส​เภ​ณี พ่อ​กลับ​ฆ่า​ลูก​วัว​อ้วน​พี​เพื่อ​เลี้ยง​มัน’ 31 บิดา​จึง​ตอบ​ว่า ‘ลูก​เอ๋ย ลูก​อยู่​กับ​พ่อ​ตลอด​เวลา สิ่ง​ของ​ทั้ง​หมด​ของ​พ่อ​ก็​เป็น​ของ​ลูก​อยู่​แล้ว 32 แต่​นี่​เป็น​เรื่อง​สม​ควร​ที่​เรา​จะ​ชื่น​ชม​ยินดี​และ​รื่น​เริง เพราะ​น้อง​คน​นี้​ของ​ลูก​ตาย​ไป​แล้ว​แต่​กลับ​เป็น​ขึ้น​อีก หาย​ไป​แล้ว​แต่​ยัง​ได้​พบ​กัน​อีก’ ”