มีใครเคยคิดอย่างผมบ้างไหมว่า แผ่นศิลาที่โมเสสนำลงมาจากภูเขาซีนาย บันทึกแค่ "บัญญัติสิบประการ" เพียงเท่านั้นเองหรือ แล้วกฎหมายอื่นๆ บันทึกใ่ส่อะไร เพราะมีมากมายจนเป็นหนังสือได้เลย นั่นก็คือ "เลวีนิติ" มีใครรู้บ้างครับ มาร่วมกันค้นหาคำตอบ...
ในอพยพบทที่ 20 ข้อ 1 พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้ว่า
ข้อ 2 “เราคือพระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส
ข้อ 3 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา...
ในข้อ 1 บอกเราว่า "พระเจ้าตรัส...
ในข้อ 18 คนทั้งหลายเมื่อได้ยิน ได้เห็นฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เสียงแตร และควันที่พลุ่งขึ้นจากภูเขาเช่นนั้น ต่างก็ยืนตัวสั่นอยู่แต่ไกล
ข้อ 19 เขาจึงกล่าวแก่โมเสสว่า “ท่านจงนำความมาเล่าเถิด พวกข้าพเจ้าจะฟัง แต่อย่าให้พระเจ้าตรัสกับพวกข้าพเจ้าเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตาย”
แสดงว่าบัญญัติสิบประการประชาชนก็ได้ยินเหมือนกัน
ในอพยพ บทที่ 24 ข้อ 3 โมเสสจึงนำพระวจนะของพระเจ้าและกฎหมายทั้งสิ้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ ประชาชนทั้งปวงก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “พระวจนะทั้งหมดซึ่งพระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม”
ข้อ 4 โมเสสจึงจารึกพระวจนะของพระเจ้าไว้ทุกคำ แล้วตื่นขึ้นแต่เช้าจัดแจงสร้างแท่นบูชาขึ้นที่เชิงภูเขา ปักเสาหินขึ้นสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าทั้งสิบสองของอิสราเอล
ข้อ 5 ท่านใช้ให้หนุ่มๆ ชนชาติอิสราเอลถวายเครื่องเผาบูชาและถวายโคเป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระเจ้า
ข้อ 6 โมเสสเก็บเลือดโคครึ่งหนึ่งไว้ในชาม อีกครึ่งหนึ่งประพรมที่แท่นบูชานั้น ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง พวกเขากล่าวว่า “สิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม และเราจะเชื่อฟัง”
ในข้อ 4 โมเสสจารึกพระวจนะไว้ทุกคำ ในข้อ 6 ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง
ในอพยพบทที่ 31 ข้อ 18 เมื่อพระองค์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายเสร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่นเป็นแผ่นศิลาจารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า
สรุปว่าประชาชนอิสราเอล รู้จักบัญญัติสิบประการ และกฎหมายต่างๆ ก่อนที่พระเจ้าจะประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่นเสียอีก
ในอพยพ บทที่ 32 ข้อ 15 ฝ่ายโมเสสกลับลงมาจากภูเขาถือแผ่นศิลาพระโอวาทมาสองแผ่นซึ่งจารึกทั้งสองด้าน จารึกทั้งด้านนี้และด้านนั้น
ข้อ 16 แผ่นศิลาเหล่านั้น เป็นงานจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า และอักษรที่จารึกนั้น เป็นลายพระหัตถ์ของพระองค์สลักไว้บนแผ่นศิลานั้น
ในข้อ 15 บอกว่า...แผ่นศิลา...จารึกทั้งสองด้าน จารึกทั้งด้านนี้และด้านนั้น
แสดงว่าไม่ได้จารึกด้านเดียวแบบในภาพวาดทั่วไปที่คนทั้งโลกเรียนรู้พระคัมภีร์จากภาพวาด หรือภาพยนตร์
ส่วนเรื่องที่ว่าโมเสสเป็นคนเขียนหรือไม่นั้น น่าจะเป็นความเห็นของคนต่างความเชื่อ ไม่น่าจะมาจากคนที่เชื่อพระเจ้า เพราะทุกครั้งที่มีการอ้างถึงพระคัมภีร์ 5 เล่มแรก จะถูกเรียกดังนี้
ในพระคัมภีร์เดิม
- หนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- บัญญัติของโมเสส (the commandment of Moses)
- บทบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- หนังสือของโมเสส (the book of Moses)
- คำของโมเสส (the word of Moses)
ในพระคัมภีร์ใหม่
- คัมภีร์ของโมเสส (the book of Moses)
- คัมภีร์ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- บัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- จารีตของโมเสส (the custom of Moses)
เจตนาของหัวข้อนี้คือ อยากให้คนที่เชื่อถือในพระเจ้า อ่านพระวจนะของพระองค์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์มากกว่าการดูภาพวาด หรือดูจากภาพยนตร์ หรือฟังคำเทศนา หรือฟังจากอาจารย์ที่สอน ดูแล้ว ฟังแล้ว ก็กลับมาเช็คที่พระคัมภีร์เพื่อความถูกต้อง
หากผู้เชื่ออ่านพระคัมภีร์เองก็จะพบคำตอบมากมายมหาศาล และที่ผมยกตัวอย่างมา ก็นำมาจากพระคัมภีร์ทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นทฤษฎีที่ตีความ หรือถอดรหัสลับออกมา
การที่หนังทำออกมาเช่นนั้น เป็นการสรุปความ ย่นย่อให้เข้าใจง่ายๆ เช่นเดียวกับศิืลปินที่วาดภา่พออกมามีเพียงบัญญัติ 10 ประการ และที่แย่ก็คือ ผู้คนทั่วไปก็เข้าใจเพียงศิลาจารึกเพียงแค่บัญญัติ 10 ประการ แถมยังเอามาสอนต่อกันอีกว่า เหลือเพียง 2 ข้อ ที่พระเยซูบอก (ไปกันใหญ่) หากเราอ่านพระคัมภีร์ดีๆ พระเยซูไม่ได้บอกเราแค่นั้น
ในมัทธิว 5:17-18 พระเยซูกล่าวว่า..
“อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว..
และ..ในข้อ 19 ผู้ใดได้ทำให้ข้อเล็กน้อยสักข้อหนึ่ง
ในธรรมบัญญัตินี้เบาขึ้น ทั้งสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย
ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้น้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ใดที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ
ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ ในแผ่นดินสวรรค์
ภาพวาดก็วาดเพียงด้านเดียว |
ในภาพยนตร์ก็สื่อเพียงบัญญัติ 10 ประการ |
ในอพยพบทที่ 20 ข้อ 1 พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้ว่า
ข้อ 2 “เราคือพระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส
ข้อ 3 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา...
ในข้อ 1 บอกเราว่า "พระเจ้าตรัส...
ในข้อ 18 คนทั้งหลายเมื่อได้ยิน ได้เห็นฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เสียงแตร และควันที่พลุ่งขึ้นจากภูเขาเช่นนั้น ต่างก็ยืนตัวสั่นอยู่แต่ไกล
ข้อ 19 เขาจึงกล่าวแก่โมเสสว่า “ท่านจงนำความมาเล่าเถิด พวกข้าพเจ้าจะฟัง แต่อย่าให้พระเจ้าตรัสกับพวกข้าพเจ้าเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตาย”
แสดงว่าบัญญัติสิบประการประชาชนก็ได้ยินเหมือนกัน
ในอพยพ บทที่ 24 ข้อ 3 โมเสสจึงนำพระวจนะของพระเจ้าและกฎหมายทั้งสิ้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ ประชาชนทั้งปวงก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “พระวจนะทั้งหมดซึ่งพระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม”
ข้อ 4 โมเสสจึงจารึกพระวจนะของพระเจ้าไว้ทุกคำ แล้วตื่นขึ้นแต่เช้าจัดแจงสร้างแท่นบูชาขึ้นที่เชิงภูเขา ปักเสาหินขึ้นสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าทั้งสิบสองของอิสราเอล
ข้อ 5 ท่านใช้ให้หนุ่มๆ ชนชาติอิสราเอลถวายเครื่องเผาบูชาและถวายโคเป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระเจ้า
ข้อ 6 โมเสสเก็บเลือดโคครึ่งหนึ่งไว้ในชาม อีกครึ่งหนึ่งประพรมที่แท่นบูชานั้น ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง พวกเขากล่าวว่า “สิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม และเราจะเชื่อฟัง”
ในข้อ 4 โมเสสจารึกพระวจนะไว้ทุกคำ ในข้อ 6 ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง
ในอพยพบทที่ 31 ข้อ 18 เมื่อพระองค์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายเสร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่นเป็นแผ่นศิลาจารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า
สรุปว่าประชาชนอิสราเอล รู้จักบัญญัติสิบประการ และกฎหมายต่างๆ ก่อนที่พระเจ้าจะประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่นเสียอีก
ในอพยพ บทที่ 32 ข้อ 15 ฝ่ายโมเสสกลับลงมาจากภูเขาถือแผ่นศิลาพระโอวาทมาสองแผ่นซึ่งจารึกทั้งสองด้าน จารึกทั้งด้านนี้และด้านนั้น
ข้อ 16 แผ่นศิลาเหล่านั้น เป็นงานจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า และอักษรที่จารึกนั้น เป็นลายพระหัตถ์ของพระองค์สลักไว้บนแผ่นศิลานั้น
ในข้อ 15 บอกว่า...แผ่นศิลา...จารึกทั้งสองด้าน จารึกทั้งด้านนี้และด้านนั้น
แสดงว่าไม่ได้จารึกด้านเดียวแบบในภาพวาดทั่วไปที่คนทั้งโลกเรียนรู้พระคัมภีร์จากภาพวาด หรือภาพยนตร์
ส่วนเรื่องที่ว่าโมเสสเป็นคนเขียนหรือไม่นั้น น่าจะเป็นความเห็นของคนต่างความเชื่อ ไม่น่าจะมาจากคนที่เชื่อพระเจ้า เพราะทุกครั้งที่มีการอ้างถึงพระคัมภีร์ 5 เล่มแรก จะถูกเรียกดังนี้
ในพระคัมภีร์เดิม
- หนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- บัญญัติของโมเสส (the commandment of Moses)
- บทบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- หนังสือของโมเสส (the book of Moses)
- คำของโมเสส (the word of Moses)
ในพระคัมภีร์ใหม่
- คัมภีร์ของโมเสส (the book of Moses)
- คัมภีร์ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- ธรรมบัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- บัญญัติของโมเสส (the law of Moses)
- จารีตของโมเสส (the custom of Moses)
เจตนาของหัวข้อนี้คือ อยากให้คนที่เชื่อถือในพระเจ้า อ่านพระวจนะของพระองค์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์มากกว่าการดูภาพวาด หรือดูจากภาพยนตร์ หรือฟังคำเทศนา หรือฟังจากอาจารย์ที่สอน ดูแล้ว ฟังแล้ว ก็กลับมาเช็คที่พระคัมภีร์เพื่อความถูกต้อง
หากผู้เชื่ออ่านพระคัมภีร์เองก็จะพบคำตอบมากมายมหาศาล และที่ผมยกตัวอย่างมา ก็นำมาจากพระคัมภีร์ทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นทฤษฎีที่ตีความ หรือถอดรหัสลับออกมา
การที่หนังทำออกมาเช่นนั้น เป็นการสรุปความ ย่นย่อให้เข้าใจง่ายๆ เช่นเดียวกับศิืลปินที่วาดภา่พออกมามีเพียงบัญญัติ 10 ประการ และที่แย่ก็คือ ผู้คนทั่วไปก็เข้าใจเพียงศิลาจารึกเพียงแค่บัญญัติ 10 ประการ แถมยังเอามาสอนต่อกันอีกว่า เหลือเพียง 2 ข้อ ที่พระเยซูบอก (ไปกันใหญ่) หากเราอ่านพระคัมภีร์ดีๆ พระเยซูไม่ได้บอกเราแค่นั้น
ในมัทธิว 5:17-18 พระเยซูกล่าวว่า..
“อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว..
และ..ในข้อ 19 ผู้ใดได้ทำให้ข้อเล็กน้อยสักข้อหนึ่ง
ในธรรมบัญญัตินี้เบาขึ้น ทั้งสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย
ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้น้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ใดที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ
ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ ในแผ่นดินสวรรค์