ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

ทูตสวรรค์ : มีทั้งดี-เลว และน่าชัง


ทูตสวรรค์ประจำตัวของผู้เชื่อจะเป็นฝ่ายดี
แต่บางคนยังไม่เคยรู้เลยว่าตนเองมี
ต่อไปนี้เป็นบทความแปลของ ซู โบห์ลิน (ซึ่งเป็นทัศนะหนึ่ง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณด้วย และใช้พระคัมภีร์ในการตัดสินว่าอะไรถูกต้อง)

ตอนฉันมีอายุได้ประมาณ 13 ปี ฉันได้เจอกับทูตสวรรค์ ฉันกำลังจะขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องของฉัน เมื่อฉันกำลังเอื้อมไปที่ราวจับ ในทันใดนั้น ก็มีบางอย่างปัดมือของฉัน ฉันก็เลยหงายหลัง ในระหว่างที่กำลังล่วงลงไปนั้น ฉันก็รู้สึกว่ามีมือที่แข็งแรงผลักดันให้ฉันตั้งตัวตรง ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ใช่ ไม่มีใครจริงๆ

เรื่องของทูตสวรรค์ มันน่าหลงใหลเสมอ และในบทความนี้ที่เกี่ยวกับทูตสวรรค์ : มีทั้งดี เลว และความน่าชัง
ทูตสวรรค์ที่ดีก็คือความบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง ส่วนทูตสวรรค์ที่เลวก็คือความชั่วร้าย พระคริสตธรรมคัมภีร์เรียกว่า “มาร” หรือ “วิญญาณชั่ว” และทูตสวรรค์ที่น่าชังหรือปิศาจ ก็คือการปลอมตัวเป็นทูตสวรรค์ที่ดี ทูตสวรรค์ที่น่าชังเหล่านี้ได้ล่อลวงคนมากมายที่อยู่ในวัฒนธรรมความเชื่อของแต่ละท้องที่ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า “พวกบูชาเทพเจ้า (ทูตสวรรค์)”

ทูตสวรรค์ที่ดี

ในหนังสือฮีบรูเรียกทูตสวรรค์ว่า “ทูตสวรรค์ทั้งปวง เป็นแต่เพียงวิญญาณผู้ปรนนิบัติ ที่พระองค์ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดกระนั้นมิใช่หรือ” (ฮีบรู 1:14)

งานของเหล่าทูตสวรรค์มากมายเกี่ยวกับพวกเรา และงานเหล่านั้นก็สามารถดูได้จากตัวอย่างในพระคัมภีร์เช่นเดียวกับเรื่องเล่าประสบการณ์ในปัจจุบัน

หน้าที่

พระเจ้าทรงใช้ทูตของพระองค์สำหรับงานของพระองค์ ตัวอย่างคือเรื่องทูตสวรรค์ที่นำอาหารมามอบให้กับเอลียาห์ คือขนมปังและน้ำ ในขณะที่เขาหลบหนีจากพระนางเยเซเบล หลังจากได้รับชัยชนะที่เขาคารเมล

“และท่านก็นอนลงหลับอยู่ใต้ต้นซาก ดูเถิด มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาถูกต้องท่าน และพูดกับท่านว่า “ลุกขึ้นรับประทานซี” และท่านก็มองดู ดูเถิด ตรงที่ศีรษะของท่านมีขนมปังที่ปิ้งบนก้อนหินร้อนและ มีไหน้ำลูกหนึ่งท่านก็รับประทานและดื่ม และนอนลงอีก” (1 พงศ์กษัตริย์ 19:5-6)

ในปี 1944 ซูซี่ แวร์ ภรรยาศิษยาภิบาล ผู้ยากจนคนหนึ่ง และทำงานด้านการประกาศในสวิตเซอร์แลนด์ เธอได้อธิษฐานว่า “พระเจ้า ลูกต้องการมันฝรั่ง 5 ปอนด์ แป้งสำหรับทำขนมปัง 2 ปอนด์ แอปเปิล ลูกแพร์ กระหล่ำดอก แครอท เนื้อลูกวัวทอดทุกๆ วันเสาร์ และเนื้อวัวทุกๆ วันอาทิตย์” ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีใครคนหนึ่งเคาะอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และเขาเป็นหนุ่มน้อยที่ถือกระจาดของอยู่ในมือ เขากล่าวว่า “คุณนายแวร์ครับ ผมนำของที่คุณต้องการมาให้ครับ” ซึ่งทุกอย่างตรงกับที่เธออธิษฐานทุกอย่าง แม้แต่แป้งสำหรับทำขนมปัง หลังจากนั้นหนุ่มน้อยคนนั้นจากไป ซึ่งแม้แต่อาจารย์แวร์และภรรยา พยายามจะมองไปที่หน้าต่างของบ้านว่าเขาเดินไปทางไหน แต่ชายคนนั้นก็หายไปเฉยๆ ไม่เห็นว่าเขาไป

ผู้ให้คำแนะนำ

บางครั้ง ทูตสวรรค์ก็ให้คำแนะนำ ดังนั้นคนของพระเจ้าจะรู้ว่าอะไรที่เขาต้องทำ ทูตสวรรค์ปรากฏต่อโยเซฟในความฝัน และบอกเขาให้รับมารีย์มาเป็นภรรยาของเขา และตั้งชื่อบุตรว่า เยซู

..แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิ์ในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา” (มัทธิว 1:20-21)

และอีกเหตุการณ์ที่ทูตสวรรค์ได้แนะนำให้ฟีลิปไปพบกับขันทีชาวเอธิโอเปียเพื่อนำเขามาสู่พระคริสต์
..แต่ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งฟีลิปว่า “จงลุกขึ้น ไปยังทิศใต้ตามทางที่ลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกาซา” (กิจการ 8:26)

เพื่อนของฉันชื่อ “ลี” มีประสบการณ์ว่าเขาได้รับการแนะนำจากทูตสวรรค์ เมื่อคนอื่นๆ ที่อยู่ในกองทัพถูกเกณฑ์ให้ไปยังพื้นที่สีแดงซึ่งเป็นเขตอันตราย เขาได้อธิษฐานขอความเข้มแข็ง มีผู้ส่งข่าวล่องหนมาหาเขา และบอกให้เขาขยับจากที่ตั้งไปอีก 10 ฟุต “จงอย่ากลัว เจ้าจะไม่ตาย เราจะช่วยท่าน และคุ้มครองท่าน”

ผู้ให้การสนับสนุน, ผู้ช่วยเหลือ

บรรดาทูตสวรรค์ของเรามีอำนาจในการช่วยเหลือ ดังเช่นตัวอย่างของชีวิตเปาโล เมื่อเขา และเพื่อนเดินทางบนเรือได้เผชิญหน้ากับพายุที่รุนแรง และกำลังจะอับปาง ทูตสวรรค์ได้มาปรากฏแก่เขา

..เพราะว่าเมื่อคืนนี้เอง ทูตองค์หนึ่งของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติได้มายืนอยู่ใกล้ข้าพเจ้า ทูตนั้นกล่าวว่า 'เปาโลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เจ้าจะต้องเข้าเฝ้าซีซาร์ ส่วนคนทั้งปวงที่อยู่ในเรือกับเจ้านั้น ดูเถิด พระเจ้าจะทรงโปรดให้รอดตาย เพราะอำนวยตามคำเจ้า' (กิจการ 27:23-24)

มีคุณแม่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวของเธอจะต้องผ่าตัดมะเร็ง ที่นั่นมีนางพยาบาลคนหนึ่งที่สูงมาก เธอไว้ผมยาวถักเปีย ดูทะมัดทะแมง เธอทำงานตลอดทั้งคืน เธอดูแลเด็กหญิงอย่างเข้มแข็ง แต่อ่อนโยน และคุยกับแม่ของเด็กเกี่ยวกับพระเจ้า และสิ่งที่ดีของพระองค์ หลังจากพวกเขากลับไปบ้าน คุณแม่ตัดสินใจเขียนจดหมายขอบคุณสำหรับการดูแลของนางพยาบาล และได้โทรถามโรงพยาบาลว่านางพยาบาลคนนั้นชื่ออะไร แต่ทุกๆ คน หรือแม้แต่หัวหน้าของนางพยาบาล ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น หรือผู้หญิงที่มีลักษณะแบบนั้น เธอจึงเชื่อว่าพระเจ้าส่งทูตสวรรค์ที่จะช่วยให้เธอผ่านความกังวลใจในคืนอันมืดมิดคืนนั้นไปได้

ผู้ปกป้อง

ในโลกใบนี้เป็นสถานที่อันตราย และทูตสวรรค์สามารถให้การป้องกันเหนือธรรมชาติได้ ในหนังสือดาเนียลบทที่ 6 ได้กล่าวถึงเรื่องของทูตสวรรค์จะปิดปากสิงโต เมื่อดาเนียลถูกนำเข้าไปในถ้ำของมัน

มีสาวน้อยผู้หนึ่งนามว่า “ไมร่า” เธอทำงานเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่เมืองฟิลลาเดเฟีย มีแก๊งตรงข้ามชอบมาขู่ทำร้ายคนที่ทำงานในนั้น และพวกเขาก็คอยรบกวนไมร่าเป็นประจำ

คืนหนึ่ง เมื่อเธออยู่ตามลำพังในที่ทำงาน เธอต้องออกไปเป็นพยานเรื่องของพระเยซูกับแก๊งวัยรุ่นที่อยู่ตรงข้ามให้ได้ ขณะที่เธอเปิดประตูออก และอธิษฐานขอการปกป้อง

กลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นหยุดการตะโกนโวยวายในทันที และมองหน้ากันและกัน หันไปหันมา ไมร่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากเหตุการณ์นั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบถามแก๊งวัยรุ่นนั้นว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รบกวนข่มขู่ไมร่าอีกในคืนนั้น

เด็กหนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า “พวกเราไม่กล้ายุ่งกับเธอหรอก แฟนของเธอสูงตั้ง 7 ฟุต” ผู้จัดการจึงถามต่อว่า “ผมไม่ยักรู้ว่าไมร่ามีแฟนแล้ว แต่คืนนั้น เธอทำงานคนเดียวตามลำพัง” คนอื่นๆ ในแก๊งยืนยันว่า “ไม่ๆ เราเห็นเขา เขาอยู่ข้างหลังเธอ ตัวเบ้อเริ่ม และใส่เสื้อสีขาว”

อีกเรื่องหนึ่ง มีผู้หญิงอายุยังน้อยคนหนึ่งเดินกลับบ้านจากที่ทำงานที่บรู๊คลิน เธอต้องเดินผ่านตึกที่มีชายน่ากลัวอยู่ที่นั่น เธอรู้สึกกลัว และอยากผ่านที่นั่นไปเร็วๆ และเธอได้อธิษฐานสำหรับการปกปักรักษา ซึ่งเธอจะปลอดภัยโดยพระเจ้า และเมื่อถึงบริเวณนั้น เธอรู้สึกว่าชายคนนั้นมองดูเธออยู่ แต่เขาไม่ได้ขยับตัว ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากเธอกลับถึงบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงไซเรนและมองเห็นแสงไฟจากรถตำรวจ

วันถัดไปเพื่อนบ้านของเธอเล่าให้ฟังว่า มีคนถูกข่มขืน ในที่ๆ เธอเดินผ่านมาหลังจากเธอเดินผ่านชายคนนั้น
เธอรู้สึกงงว่าถ้าผู้ชายที่เธอเดินผ่านเมื่อคืนนั้นคือผู้ต้องหาคดีข่มขืน เพราะอะไรเธอจึงรอดมาได้ เธอจึงไปพบตำรวจ และสอบถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไปดูคนร้าย และถามตำรวจว่า “ทำไม เขาไม่ทำร้ายฉัน ทั้งๆ ที่ฉันดูบอบบางกว่าผู้หญิงคนต่อมาเสียอีก” ตำรวจเองก็อยากรู้เหมือนกัน ตามที่เธอเล่าให้ฟัง จึงไปสอบสวนคนร้าย เขาให้การว่า “ฉันจำเธอได้ ที่ไม่กล้ายุ่งกับเธอ เพราะเธอมากับชายร่างยักษ์ 2 คน ที่เดินขนาบข้างเธออยู่”

ผู้ช่วยเหลือ


บางครั้ง ทูตสวรรค์ได้ให้การช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตราย นั่นคือหน้าที่ของทูตสวรรค์ของพระเจ้า ดังเช่น ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ที่ถูกโยนลงในกองเพลิง พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากเปลวไฟ (ดาเนียล บทที่ 3)
เพื่อนของฉันชื่อ “จอห์น” บอกฉันว่า คืนหนึ่ง เขาและเพื่อนกำลังเดินกลับบ้าน มีแก๊งอันธพาลประมาณ 12 ถึง 15 คน เข้ามาขวางพวกเขา จอห์นถูกต่อย 2 ครั้ง และล้มลงกับพื้น เขาคิดว่ากำลังถูกปล้นและถูกทำร้ายร่างกายอีกหลายครั้ง แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด สิ่งที่ตรงกันข้าม เขาได้ยินเสียงห่างออกไปประมาณ 6 ฟุตว่า “โอเค ๆ เราจะไปแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้น และมองเห็นบุรุษลึกลับที่ห่างออกไปประมาณ 25 ฟุต ยืนพิงที่กำแพง แต่ไม่มีแก๊งอันธพาลสักคน พวกเขาหายไปแล้ว และที่นั่นก็ไม่มีใครอีก นอกจากจอห์น

นักรบจากสวรรค์


หน้าที่ของนักรบ(ทูต)สวรรค์ดูจะเป็นวิธีพิเศษ ผู้พยากรณ์เอลีชาอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้พระองค์เปิดตาคนรับใช้ของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นกองทัพเทวทูตที่มีอำนาจของพระเจ้าที่ส่งมาปกป้องพวกเขา

ที่เยอรมัน สมัยพวกนาซีเรืองอำนาจ หญิงคนหนึ่งและลูกน้อยของเธอได้รับการซ่อนตัวโดยกลุ่มแม่ชีที่มีสถานที่ที่ปลอดภัย ในคืนวันหนึ่ง ทุกคนได้อธิษฐานขอการปกป้องจากพระเจ้า แต่เด็กน้อยได้ลืมตาขึ้นก่อนที่จะกล่าวคำว่า “อาเมน” เด็กบอกกับแม่ว่า “เขามาที่นี่ครับ” และชี้ไปที่ช่องทางข้างบนหลังคา เมื่อถูกสอบถามมากๆ เด็กก็อธิบายอีกว่า “เขาเห็นคนมาที่นี่จริงๆ” พยาบาลถามว่า “เธอพูดอะไรของเธอน่ะ” และเด็กก็บอกว่า มองเห็นคนถือโคมไฟไปที่มุมของที่ซ่อน ดังนั้นทุกคนจึงไปหลบซ่อนที่ใต้หลังคา ตามที่เด็กมองเห็นนักรบแห่งสวรรค์ชี้นำไป และทุกคนก็ปลอดภัย

ผู้ปกป้อง

พวกเรามีทูตสวรรค์ผู้ปกป้องคุ้มครองไหม ? แม้คัมภีร์ไบเบิ้ลจะไม่ได้ให้คำตอบอย่างชัดเจนนัก แต่พระเยซูตรัสว่า “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์” (มัทธิว 18:10) และในสดุดี 91:11 “เพราะพระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ ของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ระแวดระวังท่านในทางทั้งปวงของท่าน”

วันหนึ่ง เมื่อลูกชายของฉันซึ่งยังเป็นเด็กเล็กๆ ขณะที่ฉันอุ้มเขาอยู่ แล้วเขาก็ดันตัวออกจากฉันและหัวทิ่มไปที่กำแพง ไม่มีทางที่ฉันจะช่วยเขาได้ทัน แต่ฉันดูเหมือนมีสิ่งที่อธิบายไม่ได้ว่ามาหยุดเขาไว้เพียงแค่นิ้วเดียวก่อนถึงกำแพงนั้น แล้วเขาก็หล่นลงที่พรมอย่างนุ่มนวล ฉันรู้สึกเลยว่านั่นคือมือของทูตสวรรค์ที่เป็นนวมกันชนของเขา

นี่เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยของพันๆ เรื่องที่เกี่ยวกับทูตสวรรค์ผู้ที่ให้การคุ้มครอง และช่วยชีวิตคน ทั้งเป็นคริสเตียนและไม่เป็นคริสเตียน แต่คำถามของคนขี้สงสัยก็คงยังมีอยู่ เช่นทูตสวรรค์อยู่ที่ไหนเมื่อเด็กผู้หญิงถูกข่มขืน และคนขับรถเมาเหล้าชนเข้ากับรถยนต์ของวัยรุ่น และคนร้ายระเบิดตึกที่มีคนบริสุทธิ์อยู่เป็นร้อย?

ทูตสวรรค์ยังคงอยู่ที่นั่น ทำหน้าที่เกี่ยวกับความบาดเจ็บ และความตาย เราไม่รู้ถึงบทบาทที่แท้จริงของทูตสวรรค์ในท่ามกลางบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว เพราะว่างานของพวกไม่ปรากฏให้เห็น และไร้ซึ่งความรู้สึก

เบื้องหลังคำถามที่ว่า “ทูตสวรรค์อยู่ที่ไหน?” เป็นปัญหาที่ตอบยากมาก เพราะพระเจ้าแสนดีทำไมจึงอนุญาตทำให้มีความเจ็บปวด และความทุกข์ ในหนังสือโยบ ได้แสดงถึงสิ่งสำคัญอยู่ 2 เรื่อง ที่เกี่ยวกับความเจ็บปวด

สิ่งแรก คือ เมื่อเภทภัย และความทุกข์โจมตีพวกเราในทุกเรื่องที่เราปกครองดูแลอยู่ นั่นอาจจะมีบางสิ่งที่สำคัญ และใหญ่กว่าอยู่ในโลกของจิตวิญญาณที่มองไม่เห็น

สอง พระเจ้าไม่เคยให้คำตอบกับโยบเมื่อเขาร้องถามที่จะรู้เหตุผลว่า “ทำไม” พระองค์เพียงตอบว่า “เราคือพระเจ้า ทางของเรา เจ้าไม่สามารถเข้าใจ เจ้าต้องไว้วางใจในเรา เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร” ข้อเท็จจริงก็คือพระเจ้าควบคุมทุกอย่าง พระองค์อนุญาตให้ความเจ็บปวด และความทุกข์ เป็นเหตุไปสู่การความสุขสมบูรณ์ เราต้องจำไว้ว่าเมื่อดูเหมือนว่าทูตสวรรค์ละทิ้งพวกเรา ไม่มีเพราะพวกเขาละทิ้ง แต่เพราะพระเจ้าอนุญาต

ทูตสวรรค์เลว

เมื่อมีทูตสวรรค์ที่ดี ย่อมมีทูตสวรรค์ที่เลว เมื่อแรกเริ่มพวกเขาถูกสร้างเป็นทูตสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ แต่ประมาณหนึ่งในสามของพวกเขา ทำการกบฏต่อต้านพระเจ้า และตกจากตำแหน่งของพวกเขา

ซาตาน เป็นผู้นำของเหล่าปิศาจ หรือ ทูตสวรรค์ที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นผู้กล่าวเท็จ ฆาตกร และขโมย (ยอห์น 10:10) เขาเกลียดพระเจ้า และเขาเกลียดอย่างแรงกับคนของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราว่า มันเที่ยวหาหาเหยื่อเหมือนสิงโตคำรามที่หาเหยื่อมากัดกิน (1 เปโตร 5:8) เราต้องจำไว้ว่าซาตานและสมุนของมัน มีอำนาจเหนือธรรมชาติเช่นกัน และซาตานปลอมตัวเองเป็นทูตสวรรค์แห่งแสงสว่าง (2 โครินธ์ 11:14)

การปลอมตัวเป็นทูตสวรรค์ที่ดี ซึ่งเบื้องหลังคือทูตสวรรค์เลวแฝงตัวอยู่ในวัฒนธรรมความเชื่อของพวกเรา ขณะที่มีหนังสือคริสเตียนที่น่ามหัศจรรย์หลายเล่ม เล่าเรื่องของทูตสวรรค์ที่ดี การช่วยเหลือผู้คน

มีหนังสือมากมาย ทั้งหนังสือพิมพ์ และการสัมนา ได้เปิดเผยงานของมาร ความหลอกลวงชนิดที่น่าเกลียดที่สุด เพราะว่าเมื่อคุณเริ่มต้นพูดคุยทูตสวรรค์ มันจะจบลงด้วยการกับมารร้าย

ทูตสวรรค์ที่น่าชัง

ศัตรูฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเราใช้เทคนิคการบิดเบือนซึ่งเป็นวิธีเก่าแก่ การสนใจในทูตสวรรค์จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะไม่มีการสอน และไม่มีใครเคยเห็น ลัทธิติดต่อทูตสวรรค์จึงกลายเป็นเรื่องของพวกนิวเอจ (New Age) ซึ่งเป็นความเชื่อโบราณของลัทธิบูชาเทพเจ้า ลัทธิ Pantheism จะมีความเชื่อในทุกสิ่ง พระเจ้าไม่มีตัวตนเช่นเดียวกับทุกส่วนที่ทรงสร้าง เป็นหนึ่งเดียวกันที่ยิ่งใหญ่ ทั้งหมดคือหนึ่งเดียว พระเจ้าคือหนึ่งเดียว พวกเราคือพระเจ้า และปรัชญานิวเอจจึงหวนกลับมาอีกครั้ง

คุณคงรู้ว่ารอบๆ ตัวคุณมีทูตสวรรค์ที่น่าชัง หรือวิญญาณชั่ว ตบตาเราเหมือนทูตสวรรค์จริงๆ เมื่อคุณได้อ่านเรื่องราวดังต่อไปนี้

1. การติดต่อกับทูตสวรรค์
ตอนนี้มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “ถามทูตสวรรค์ของคุณ” และ “100 วิธีที่จะดึงดูดทูตสวรรค์” แต่ในพระคัมภีร์ไม่เคยบอกเรื่องการติดต่อทูตสวรรค์มาก่อน เมื่อผู้คนเริ่มติดต่อกับทูตสวรรค์ นั่นไม่ใช่ทูตสวรรค์ที่ดีที่ให้คำตอบ แต่เป็นวิญญาณชั่วที่ปลอมมา โดยพวกมันเองเปิดเผยตัวว่าเป็นทูตสวรรค์ที่ดี คนที่ไม่รู้จะบอกความแตกต่างอย่างไร

2. การรักทูตสวรรค์ของเรา การอธิษฐานกับทูตสวรรค์ของเรา
บางคนเชื่อว่า “ทูตสวรรค์ผู้เชี่ยวชาญ” พวกชาวลัทธิบอกว่าพวกเขารักทูตสวรรค์ของพวกเขา และสามารถเรียกมาช่วยให้มีสุขภาพดี ช่วยเยียวยารักษา ช่วยให้เจริญ และช่วยแนะนำ

แต่ทูตสวรรค์คือผู้รับใช้ของพระเจ้า และทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความสำคัญและสง่าราศีแด่พระเจ้า ไม่ใช่คนรับใช้ของพระองค์ พระเจ้าตรัสว่า “เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา สง่าราศีของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก” (อิสยาห์ 42:8) พระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงการรักทูตสวรรค์ แต่ให้รักพระองค์เท่านั้น รวมทั้งพระคำของพระองค์ และผู้คน (เพื่อนบ้าน) และก็ไม่เคยบอกพวกเราที่จะอธิษฐานอ้อนวอนต่อทูตสวรรค์ นอกจากพระองค์เท่านั้น

3. วิธีการ ความรู้ หรือความเข้าใจแจ่มแจ้งจากทูตสวรรค์ผู้สอนเรื่องทูตสวรรค์บางคนกำลังประกาศว่าทูตสวรรค์กำลังพยายามอย่างหนักที่จะติดต่อพวกเรา ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณนั้นได้ ความรู้ทูตสวรรค์ คือการผสมผสานเรื่องของความจริงและโกหก และไม่เคยอยู่บนพื้นฐานความจริงของพระคัมภีร์

มีทูตสวรรค์อยู่ 4 นามที่ถูกอ้างถึงในวรรณกรรมที่เกี่ยวกับทูตสวรรค์ เช่น มีคาเอล กาบรีเอล ยูรีเอล และราฟาเอล มีคาเอล และกาบรีเอลเป็นทูตสวรรค์ที่ถูกพูดถึงในพระคัมภีร์ชัดๆ แต่อีก 2 ชื่อมาจากหนังสือเล่มแรกของเอโนค (อะโพรคาฟา) ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวอันแปลกประหลาดของทูตสวรรค์ทั้งสี่

“อปอลลิโยน (APOLLYON)” ก็เป็นทูตสวรรค์แห่งบาดาลอยู่ในวิวรณ์บทที่ 9 ข้อ 11 และซาตาน ก็คือทูตสวรรค์ที่ไม่ดีตกจากการเป็นทูตสวรรค์ ผู้ที่สอนเรื่องทูตสวรรค์ตามความเป็นจริงจะต้องแนะนำวิธีการของมารด้วย

4. ความรู้พิเศษ หรือการสอนจากทูตสวรรค์

นาโอมี อัลไบรท์ (Naomi Albright) ได้สอนความหมายที่ลึกซึ้งของสี และหมายเลข และลำดับตัวอักษร ซึ่งเธอการเรียกว่า “ความรู้ที่มาจากเบื้องบน และนำมาแสดงรายละเอียดมากมายโดยหัวหน้าเทวทูตชั้นสูง” สิ่งที่นางอัลไบรท์บอกเล่านั้น ก็เพื่อที่จะเน้นการสอนสิ่งสำคัญคือ สิ่งแรก พระเจ้ารับรองศาสนาทั้งหมด และสอง มีการสร้างหลักการใหม่

คำสอนทั้งสองนี้ แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของพวกนิวเอจเกี่ยวกับทูตสวรรค์ ซึ่งจะสนับสนุนความเชื่อจอมปลอม ซึ่งสิ่งนั้นเป็นเมล็ดพันธุ์จากนรก โดยวิญญาณชั่วกำลังเลี้ยงดูความเชื่อนี้ในคำสอนจากครูเหล่านั้น

การสอนเรื่องทูตสวรรค์ จึงเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิบูชาเทพเจ้า ผู้เรียนรู้สามารถแบ่งจากส่วนอื่นๆโดยเข้าสู้ความลึกซึ้งเกี่ยวกับความรู้ที่ทูตสวรรค์มอบให้ และในที่สุด ผู้ปฏิบัติจะติดต่อกับทูตสวรรค์ได้หรือได้พบกับทูตสวรรค์ที่ส่องแสง (ซึ่งอาจจะกลายเป็นมารทีหลัง)

พวกเราต้องจำไว้ว่า ทูตสวรรค์ของพระเจ้าไม่ใช่ครู พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า พวกเขาคือผู้ส่งข่าว พระเจ้าได้แสดงทุกสิ่งให้พวกเรารู้ว่าเราต้องการสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตและความเชื่อ

“ด้วยเห็นแล้วว่าฤทธิ์เดชอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ได้ให้สิ่งสารพัดแก่เราที่จะให้มีชีวิตและทางที่เป็นอย่างพระเจ้า โดยรู้จักพระองค์ผู้ได้ทรงเรียกเราให้ถึงสง่าราศีและคุณธรรม” (2 เปโตร 1:3)

5. มนุษย์มาจากพระเจ้าข้อมูลเกี่ยวกับทูตสวรรค์น่าชัง มักจะกล่าว่า เราเป็นหนึ่งกับสวรรค์ พวกเราบริสุทธิ์ พวกเราคือพระเจ้า ในหนังสือเรื่องทูตสวรรค์ ของคาเรนโกลแมน (Karen Goldman) เป็นหนังสือคู่มือสำหรับการรู้จักทูตสวรรค์ เธอชอบพูดว่า “ทูตสวรรค์ต้องไม่ตกจากท้องฟ้า พวกเขาจะปรากฏขึ้นจากภายในใจ และวัตถุประสงค์ในชีวิต คือการรู้จักทูตสวรรค์ของตัวเอง ในหนทางนี้ที่พวกเราจะพบว่ามันเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ถูกต้อง"

การติดต่อแบบนี้ อาจเป็นช่องสัญญาณจากมารที่วางท่าเหมือนอย่างทูตสวรรค์ที่มีนามว่า “DAEPHRENOCLES” “แสงมหัศจรรย์จากทูตสวรรค์ จากพระเจ้าไปถึงเทวทูต ไปถึงจิตวิญญาณธรรมชาติ นำทุกสิ่งมาถึงคุณ คุณจะรู้สึกได้ถึงความปลาบปลื้มจากสวรรค์ คุณบริสุทธิ์แล้วตอนนี้”

หนังสือหลายเล่มที่อ้างอิงถึงทูตสวรรค์ยืนยันว่า “ทูตสวรรค์อยู่ภายใน” แต่จริงๆ แล้ว ทูตสวรรค์คือส่วนที่แยกออกจากการทรงสร้าง พวกเขาถูกสร้างก่อนมนุษย์ เป็นชนิดที่แตกต่างกัน พวกเขาไม่ได้อยู่ภายในตัวเรา

แม้แต่ในภาพยนตร์เรื่อง "It's a Wonderful Life (มันเป็นชีวิตที่น่ามหัศจรรย์)" ก็นำเสนอว่า เมื่อพวกเราได้ยินกระดิ่งส่งเสียง (กรุ๊งกริ๊ง) นั่นคือเสียงปีกของทูตสวรรค์ หรือไม่ก็คนทำสิ่งที่ดีอย่างจริงจังก็จะได้เป็นทูตสวรรค์เมื่อพวกเขาตาย (ความเชื่อแบบฮินดู และพุทธ) พวกเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทูตสวรรค์ และอย่างแน่นอน ไม่ใช่พระเจ้าด้วย อะไรคือความต้องการในลัทธิที่จะตอบสนองเรื่องทูตสวรรค์เพี้ยนๆ มาจากการทรงสร้างของพระคำพระเจ้า