ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

นมัสการด้วยความจริง (บทเรียนจาก ยอห์น บทที่ 4)

ยอห์น บทที่ 4 ข้อ 19 นาง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เจ้า​คะ ดิฉัน​เห็น​จริง​แล้ว​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ 20 บรรพ​บุรุษ​ของ​พวก​เรา​นมัสการ​ที่​ภูเขา​นี้ แต่​พวก​ท่าน​ว่า​ตำบล​ที่​ควร​นมัสการ​นั้น คือ​เยรูซาเล็ม” 

21 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “หญิง​เอ๋ย เชื่อ​เรา​เถิด คง​มี​วัน​หนึ่ง​ที่​พวก​เจ้า​จะ​มิได้​ไหว้​นมัสการ​พระ​บิดา เฉพาะที่​ภูเขา​นี้​หรือ​ที่​เยรูซาเล็ม​ 22 ซึ่ง​เจ้า​นมัสการ​นั้น​เจ้า​ไม่​รู้จัก ซึ่ง​พวก​เรา​นมัสการ​เรา​รู้จัก เพราะ​ความ​รอด​นั้น​มา​จาก​พวก​ยิว​ 23 แต่​วาระ​นั้น​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว และ​บัดนี้​ก็​ถึง​แล้ว คือ​เมื่อ​ผู้​ที่​นมัสการ​อย่าง​ถูกต้อง​จะ​นมัสการ​พระ​บิดา ด้วย​จิต​วิญญาณ​และ​ความ​จริง เพราะ​ว่า​พระ​บิดา​ทรง​แสวงหา​คน​เช่นนั้น​นมัสการ​พระ​องค์​ 24 ​พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​พระ​วิญญาณ และ​ผู้​ที่​นมัสการ​พระ​องค์ ต้อง​นมัสการ​ด้วย​จิต​วิญญาณ​และ​ความ​จริง”


ชาวสะมาเรียนมัสการพระเจ้าที่ภูเขาเกริซิม

ชาวยูดาห์นมัสการพระเจ้าที่วิหารในเยรูซาเล็ม

ผมเคยงงกับบทสนทนานี้ และวลีที่ว่า "...คือ​เมื่อ​ผู้​ที่​นมัสการ​อย่าง​ถูกต้อง​จะ​นมัสการ​พระ​บิดา ด้วย​จิต​วิญญาณ​และ​ความ​จริง ..."
นมัสการอย่างถูกต้อง
จะนมัสการพระบิดา
ด้วยจิตวิญญาณ
และความจริง!

ด้วยจิตวิญญาณ พอเข้าใจ ก็เพราะเห็นทุกๆ คริสตจักร พยายามทำการนมัสการแบบสุดๆ ทุกอาทิตย์ โดยเน้นเรื่องดนตรี และเนื้อเพลง เลยมีเพลงใหม่ๆ เกิดขึ้นเกือบทุกเดือน รูปแบบปัจจุบัน แทบจะเหมือนกันทุกๆ โบสถ์ คือมีกลอง กีตาร์ คีย์บอร์ด นักร้อง นักร่ายรำ จนมีการจัดสัมมนาการอบรมการนมัสการอย่างเป็นเรื่องราวมากมาย...บลาๆๆๆ (ซึ่งเอาเข้าจริงๆ การนมัสการในโบสถ์ก็ยังมีจำกัดด้วยเรื่องสถานที่และเรื่องเสรีภาพ เราะบางประเทศทำไม่ได้!)

คง​มี​วัน​หนึ่ง​ที่​พวก​เจ้า​จะ​มิได้​ไหว้​นมัสการ​พระ​บิดา เฉพาะที่​ภูเขา​นี้​หรือ​ที่​เยรูซาเล็ม​  บางคนก็อาจเลยเถิดตีความว่าก็คือคริสตจักรไง ยังจะถามอะไรอีก แต่อยากถาม แล้วบางแห่งในโลกทีั่ไม่มีคริสตจักร ไม่มีเสรีภาพล่ะ และตามประวัติศาสตร์ ในปี ค.ศ.70 พระวิหารถูกเผาทำลาย จนระบบปุโรหิต การนมัสการด้วยการเผาสัตวบูชาถูกยกเลิดก เพราะไม่มีสถานที่ทำการอีกแล้ว

ค.ศ. 70 พระวิหารในเยรูซาเล็มถูกเผาทำลายโดยชาวโรมัน ถือเป็นการสิ้นสุดการนมัสการพระเจ้าด้วยระบบปุโรหิต

นั่นแสดงว่า การนมัสการด้วยจิตวิญญาณที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึงสถานที่ ไม่ใช่ที่ภูเขาในสะมาเรีย ไม่ใช่ที่เยรูซาเล็ม ไม่ใช่ที่คริสตจัก แต่คือทุกๆ ที่ ที่มีคนของพระเจ้าอยู่ เพราะร่างกายของเราคือพระวิหารของพระเจ้า

แล้วด้วยความจริงหละ คือการนมัสการยังไง? บางคนก็บอกก็คือฟังนักเทศน์ไง.. จบข่าว ถ้ามีแค่นี้ก็คงไม่ต้องก็ได้มั้ง เพราะสิ่งที่นักเทศน์ได้เทศนาก็คือข้อความจากพระคัมภีร์ (อ่านเองก็ได้มั้งครับ) ความจริงที่ว่าคืออะไรกันแน่!

ในหลายๆ ครั้ง พระเยซูมักกล่าวว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า..." เพราะเยซูบอก ความจริง แก่เราเสมอ นั่นคือ ความจริง ที่พระองค์ต้องการให้เรานมัสการหรือเปล่า?

ใน 1 เธสะโลนิกา 1 ข้อ 3 บันทึกว่า "...ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​บิดา​เจ้า​ของ​เรา เรา​รำลึก​ถึง​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​ที่​แสดง​ออกเป็น​การ​กระทำ และ​ความ​รัก​ที่​ท่าน​เต็ม​ใจ​ทำงาน​หนัก และ​ความ​พากเพียร​ซึ่ง​เกิด​จาก​ความ​หวัง​ใน​พระ​เยซู​คริสต​เจ้า​ของ​เรา​"
"...​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​ที่​แสดง​ออกเป็น​การ​กระทำ..."
ถ้าความเชื่อ = จิตวิญญาณ
ถ้าการกระทำ = ความจริง

ก็คงเป็นคำตอบให้เราได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้เรานมัสการพระองค์ ด้วยความเชื่อและการกระทำเพื่อนมัสการพระเยซู มากกว่าคำพูด! อาเมน

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอห์น Copycat เอลียาห์ (มาระโก บทที่ 1)

ตอนสมัยเป็นอนุชน เคยโดนถามว่าชอบใครในพระคัมภีร์ หรืออยากเป็นแบบใครในพระคัมภีร์ ถ้าไม่นับพระเยซูก็คงต้องตอบว่าอยากเป็น "เปโตร" หรือ "เปาโล" เพราะคืออัครสาวก อัครทูต

Copycat = ผู้ที่เลียนแบบผู้อื่น

แต่เอาเข้าจริงๆ ก็แค่ชอบ คงไม่ได้เลียบแบบอะไรที่เปโตรทำ หรือเปาโลพูด เพราะมันยากอยู่เหมือนกันที่จะทำแบบนั้น (แต่ก็มีนะ มีบางคนทำแบบนั้นได้)

วนกลับมาที่บุคคลดังในพระคัมภีร์ที่ถูกอ้างถึงบ่อยในยุคพระเยซู นั่นก็คือ "เอลียาห์" ทำไมบุคคลท่านนี้ถึงถูกกล่าวขวัญถึงหลายครั้ง

และหนึ่งในผู้ที่ถูกถามบ่อยมากที่สุดก็น่าจะเป็น "ยอห์นผู้ให้บัพติศมา"

เหตุที่เป็น "ยอห์น" ก็เพราะชุุดแต่งกายที่เหมือนกันจนอย่างกับถอดแบบกันมา เรียกได้ว่าเห็นปุ๊บก็นึกถึงปั๊บ 


อีกทั้งยังกล้าหาญติเตียนกษัตริย์เฮโรด เหมือนที่เอลียาห์กล่าวต่ออาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล

เอลียาห์ กล้าเผชิญหน้ากษัตริย์อาหับตามคำสั่งของพระเจ้า
บางคนอาจจะคิดว่ายอห์นทำเกินไปหรือเปล่า เพราะเฮโรดไม่ได้เป็นคนยิว และไม่ได้เชื่อพระเจ้า ไปท้าทายเลยถูกตัดหัวซะเลย ส่วนเอลียาห์ไม่ตาย และได้ขึ้นรถม้าเพลิงไป

ยอห์นเลียบแบบเอลียาห์ทุกเรื่อง แม้แต่การเผชิญหน้ากับกษัตริย์เฮโรด
การอยู่ในสถานะที่เหมือนๆ กัน หรือแม้แต่สิ่งที่ "ยอห์น" ดูเหมือนกำลังเลียนแบบทุกเรื่องที่ "เอลียาห์" เคยทำเอาไว้ จะส่งผลให้เขามีชื่อเสียงเร็วขึ้นก็ตาม แต่ที่น่าสนใจก็คือ เขาเลียนแบบทุกอย่างแบบสุดๆ แม้ผลบั้นปลายจะออกมาต่างกันก็ตาม...

อย่างน้อย "ยอห์น" เขาก็ทำจนสุดตัว!

แล้วท่านหละ! ชอบใครในพระคัมภีร์ และเลียนแบบคนๆ นั้นทุกเรื่องหรือเปล่า!

อย่างที่เปาโลก็เลียนแบบพระเยซูเหมือนกัน!

จง​ยึดถือ​ข้าพ​เจ้า​เป็น​แบบอย่าง​
เหมือน​กับ​ที่​ข้าพ​เจ้า​ยึดถือ​พระ​คริสต​เจ้า​เป็น​แบบอย่าง​เถิด 
1 โครินธ์ 11:1 

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การทดลอง 40 วันของพระเยซู ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร (บทเรียนจาก มาระโก บทที่ 1)

หลายคนมักเข้าใจว่า พระเยซูอดอาหาร 40 วัน เพื่อเตรียมตัวสู่การงานของพระองค์ แต่ในความเป็นจริงของเนื้อหาตอนนี้ กระจ่างแจ้ง และแตกต่างจากแค่เรื่องการอดอหารในถิ่นทุรกันดาร เพราะมันมีเรื่องมากกว่าอาหารการกิน

ในหนังสือมาระโก บทที่ 1 เริ่มต้นด้วยเรื่องราวเหล่านี้
จากการบัพติศมาสู่การทดลอง...
เพราะพระวิญญาณนำ
พระ​เยซู​ทรง​รับ​บัพ​ติศ​มา
 9 ใน​เวลา​นั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​จาก​เมือง​นา​ซา​เร็ธ​แคว้น​กา​ลิ​ลี และ​ทรง​รับ​บัพ​ติศ​มา​จาก​ยอห์น​ใน​แม่​น้ำ​จอร์​แดน 10 ทัน​ที​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​มา​จาก​น้ำ ก็​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ท้อง​ฟ้า​แหวก​ออก และพระ​วิญ​ญาณ​ดุจ​นก​พิ​ราบ​เสด็จ​ลง​มา​ประ​ทับ​บน​พระ​องค์
11 แล้ว​มี​พระ​สุร​เสียง​มา​จาก​ฟ้า​สวรรค์​ว่า “ท่าน​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​ชอบ​ใจ​ท่าน​มาก” 

พระ​เยซู​ทรง​ถูก​ทด​ลอง
12 แล้ว​โดย​ทัน​ที พระ​วิญ​ญาณ​ก็​ทรง​เร่ง​เร้า​พระ​องค์​ให้​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร 13 และ​ประ​ทับ​อยู่​ที่​นั่น​ถึง​สี่​สิบ​วัน ทรง​ถูก​ซา​ตาน​ทด​ลอง และ​ประ​ทับ​อยู่​กับ​สัตว์​ป่า และ​มี​พวก​ทูต​สวรรค์​มา​ปรน​นิ​บัติ​พระ​องค์

พระวิญญาณนำเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร แต่ซาตานทดลอง

สรุปก็คือ นี่คือการทรงนำของพระวิญญาณ เมื่อพระเยซูรับพระวิญญาณ ก็ถูกทดลองเลย นี่คือกระบวนการการทดลองของคนที่มีพระวิญญาณของพระเจ้าจำเป็นต้องผ่าน 3 เรื่อง ก็คือ..

1. ทดลองเรื่องความเป็นอยู่ (ความสำเร็จส่วนตัว)
2. ทดลองเรื่องความเชื่อ (ความสำเร็จทางศาสนา)
3. ทดลองเรื่องอำนาจวาสนา (ความสำเร็จทางโลก)



ดังนั้น เมื่อเราตั้งใจจะรับใช้พระเจ้า หรือทำการใดๆ ก็ให้พระวิญญาณนำให้เราผ่านการทดลอง 3 ประการ เพื่อจะได้ตรงประเด็น ตรงวัตถุประสงค์แรก แบบเดียวกับพระเยซู

การจัดกิจกรรมอดอาหารอธิษฐาน 40 วัน ที่ทำๆ กัน อาจจะคลาดเคลื่อนไปตามการตีความของแต่ละคน แต่เมื่อเรารู้ความหมายที่แท้จริงแล้ว ท่านจะว่าอย่างไร?

ตอนนี้ เราผ่านการทดลองแรกหรือยัง? เพราะพระเยซูรู้ว่า เราอาจจะยังไม่ผ่าน พระองค์จึงหนุนใจเราว่า “เพราะ​เหตุ​นี้ เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า อย่า​กระ​วน​กระ​วาย​ถึง​ชีวิต​ของ​ตน​ว่า​จะ​เอา​อะไร​กิน หรือ​จะ​เอา​อะไร​ดื่ม และ​อย่า​กระ​วน​กระ​วาย​ถึง​ร่าง​กาย​ของ​ตน​ว่า​จะ​เอา​อะไร​นุ่ง​ห่ม ชีวิต​สำ​คัญ​ยิ่ง​กว่า​อาหาร​ไม่​ใช่​หรือ? และ​ร่าง​กาย​สำ​คัญ​ยิ่ง​กว่า​เครื่อง​นุ่ง​ห่ม​ไม่​ใช่​หรือ?" มัทธิว บทที่ 6 ข้อ 25

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ในทัศนความเชื่อจากพระคัมภีร์เดิมก็คือ..การนับถือพระอื่น = การเล่นชู้ (จาก ยอห์น บทที่ 4)

ในบันทึกจากพระคัมภีร์เดิมมักเปรียบเปรยถึง การเล่นชู้ = การไปนมัสการพระอื่น ที่ไม่ใช่พระเจ้าของชาวอิสราเอล

ในบทสนทนา (ยอห์น บทที่ 4) ของพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ ก็สะท้อนเรื่องราวเหล่านั้นเช่นกัน



ในปัจจุบัน..บ่อน้ำที่ว่า..ก็ยังมีอยู่ในอิสราเอล


พระเยซูมาขอน้ำหญิงคนนั้นดื่ม และบทสนทนาที่ตรงๆ และซับซ้อนซ่อนรหัสก็เริ่มขึ้น เหมือนคุยกันคนละเรื่อง...

7...พระ​เยซู​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “ขอ​น้ำ​ให้​เรา​ดื่ม​บ้าง” 

8 ขณะ​นั้น​สา​วก​ของ​พระ​องค์​เข้า​ไป​ซื้อ​อาหาร​ใน​เมือง

9 หญิง​ชาว​สะ​มา​เรีย​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ทำ​ไม​ท่าน​ซึ่ง​เป็น​คน​ยิว​จึง​มา​ขอ​น้ำ​ดื่ม​จาก​ดิ​ฉัน​ซึ่ง​เป็น​หญิง​ชาว​สะ​มา​เรีย?”  (เพราะ​พวก​ยิว​ไม่​คบ​หา​พวก​สะ​มา​เรีย​เลย)

10 พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​นาง​ว่า “ถ้า​เธอ​รู้​จัก​ของ​ที่​พระ​เจ้า​ประ​ทาน และ​รู้​จัก​ผู้​ที่​พูด​กับ​เธอ​ว่า ‘ขอ​น้ำ​ให้​เรา​ดื่ม​บ้าง’ ก็​คง​จะ​ขอ​จาก​ท่าน​ผู้​นั้น และ​ผู้​นั้น​ก็​คง​จะ​ให้​น้ำ​ดำ​รง​ชีวิต​แก่​เธอ”

11 นาง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เจ้า​คะ ท่าน​ไม่​มี​ถัง​ตัก และ​บ่อ​นี้​ก็​ลึก ท่าน​จะ​เอา​น้ำ​ดำ​รง​ชีวิต​นั้น​มา​จาก​ไหน? 12 ท่าน​ใหญ่​กว่า​ยา​โคบ​บรรพ​บุรุษ​ของ​เรา​ผู้​ให้​บ่อ​น้ำ​นี้​แก่​เรา​หรือ? ยา​โคบ​เอง​ก็​ดื่ม​จาก​บ่อ​นี้​รวม​ทั้ง​บุตร​ทั้ง​หลาย​และ​สัตว์​เลี้ยง​ของ​ท่าน​ด้วย” 

13 พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “ทุก​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​นี้​จะ​กระ​หาย​อีก 14 แต่​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​ที่​เรา​จะ​ให้​กับ​เขา​นั้น จะ​ไม่​มี​วัน​กระ​หาย​อีก​เลย น้ำ​ที่​เรา​จะ​ให้​เขา​นั้น​จะ​กลาย​เป็น​บ่อ​น้ำพุ​ใน​ตัว​เขา​พลุ่ง​ขึ้น​ถึง​ชีวิต​นิรันดร์” 

15 นาง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เจ้า​คะ ขอ​น้ำ​นั้น​ให้​ดิ​ฉัน​เถิด เพื่อ​ดิ​ฉัน​จะ​ได้​ไม่​กระ​หาย​อีก และ​จะ​ได้​ไม่​ต้อง​มา​ตัก​ที่​นี่” 


ความลึกซึ้งซ่อนอยู่ในบทสนทนาที่ทั้งพระเยซูและหญิงคนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่า เหตุที่อาณาจักรอิสราเอลล่มสลาย เพราะการหันไปกราบไหว้รูปเคารพหรือพระต่างด้าวของกษัตริย์อิสราเอล (สะมาเรียคือเมืองหลวงของอิสราเอล อาณาจักรเหนือ)

ตั้งแต่ออกมาจากอียิปต์ ชาวฮีบรูก็ไร้เดียงสาในเรื่องพระเจ้าเดียว หลงเข้าใจว่าคือวัวแบบเดียวกับอียิปต์

ซาโลมอนหลงเจิ่นไป เพราะมีเมียมากเกิน จนยอมให้เธอนมัสการพระของตนเอง

กษัตริย์ซาโลมอนผู้มีสติปัญญา กลับกลายเป็นผู้สร้างรูปเคารพซะเอง

ข้อความจากสุภาษิต บทที่ 7 สะท้อนพฤติกรรมของบรรดาหญิงต่างด้าว เมียของซาโลมอน กับพิธีกรรมแก้บนต่อเทพเจ้าของเธอ

แม้อาณาจักรจะถูกแบ่งเป็นเหนือกับใต้ แต่ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าก็ทำงานในทุกที่ และกล่าวเตือนกษัตริย์

กษัตริย์ที่ไม่ดี ยังคงดำเนินการกราบไหว้รูปเคารพ ปรากฎในหนังสือพงศ์กษัตริย์ทั้ง 2 เล่ม

เป็นพระต่างด้าวในดินแดนใกล้เคียง และมาจากมเหสีของอาหับ คือพระเยเซเบลชาวไซดอน

พระบาอัล และพระอาเช-ราห์ ถือเป็นเทพเจ้าประจำในดินแดนคานาอันเลย

สรุปว่า อาณาจักรอิสราเอล นับถือพระต่างด้าวถึง 5 แห่ง = สามี 5 คนของหญิงชาวสะมาเรีย
บทสนทนาธรรมดาๆ ถ้าอ่านเองผ่านๆ รับรองว่างงแน่นอน แต่ถ้าเรารู้ประวัติศาสตร์เบื้องหลังบทสนทนา ก็จะเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้ง เฉกเช่นเดียวกับหญิงชาวสะมาเรีย ที่สุดท้ายก็ยอมรับว่า..

พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ นั่นเอง

อ่านประวัติศาสตร์บ้างก็ดีนะครับ!

คน​ที่​วาง​ใจ​ใน​พระ​บุตร (เท่านั้นถึง) ​จะ​ไม่​ถูก​พิ​พาก​ษา ยอห์น 3:18

ผมสามารถท่องข้อพระคัมภีร์ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 ได้อย่างขึ้นใจ จะท่องกี่ครั้งก็จำได้ "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก..." 

จนดูเหมือนว่าเป็นความหมายตรงๆ ไม่ต้องตีความอะไร พระเจ้ารักมนุษย์ จึงยอมส่งพระเยซูพระบุตรลงมาเพื่อตายไถ่บาป จบข่าว ดูเหมือน short note จะมีข้อความเพียงเท่านี้ ประมาณว่า ใครก็ได้ที่มาเชื่อก็รอด


อืม! ก็โอเคนะ ที่พระเจ้ารักเรา 

แต่..ตอนนี้ผมยังไม่ว่างนะ รอแป๊บ! 

ได้ๆ ไม่เป็นไร ว่างเมื่อไหร่ค่อยกลับมาก็แล้วกัน...

ถ้าเรื่องมันง่ายแบบนี้ก็คงดี!

แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น...

เพราะกว่าบทสนทนานี้จะเกิดขึ้น ก็เกิดจากการแอบย่องมาหาของฟาริสีคนหนึ่งระดับขุนนางชาวยิว นาม "นิโคเดมัส" ที่สงสัยในการทำหมายสำคัญของพระเยซู จึงอดไม่ได้ที่จะต้องมาถามด้วยตนเองในเวลากลางคืน เพราะกลัวว่าพวกพ้องของตนจะเห็น


บทสนทนาค่อนข้างลึกซึ้งและซับซ้อน เพราะคนหนึ่งเข้าใจแบบตรงๆ แต่อีกคนหนึ่งพูดลึกลงไปในจิตวิญญาณของมนุษย์

จนมาถึงบทสนทนาสำคัญ...(จาก ยอห์น บทที่ 3)
14 โม​เสส​ยก​งู​ขึ้น​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​อย่าง​ไร 
บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ถูก​ยก​ขึ้น​อย่าง​นั้น 
15 เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วาง​ใจ​พระ​องค์​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์” 
16 พระ​เจ้า​ทรง​รัก​โลก​ดัง​นี้ คือ​ได้​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์ 
เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วาง​ใจ​ใน​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิรันดร์ 
17 เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​พระ​บุตร​เข้า​มา​ใน​โลก 
ไม่​ใช่​เพื่อ​พิ​พาก​ษา​โลก แต่​เพื่อ​ช่วย​กู้​โลก​ให้​รอด​โดย​พระ​บุตร​นั้น 
18 คน​ที่​วาง​ใจ​ใน​พระ​บุตร​จะ​ไม่​ถูก​พิ​พาก​ษา 
ส่วน​คน​ที่​ไม่​ได้​วาง​ใจ​ก็​ถูก​พิ​พาก​ษา​อยู่​แล้ว 
เพราะ​เขา​ไม่​ได้​วาง​ใจ​ใน​พระ​นาม​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​เจ้า

พระเยซูยกตัวอย่างเรื่องงูในถิ่นทุรกันดาร ในสมัยโมเสส เพราะชาวฮีบรูบ่นต่อว่าพระเจ้า เลยเจอพิษเข้าไป คนที่ต้องการรอดก็ต้องมาจ้องมองดูงูบนไม้เท้าที่โมเสสได้ทำไว้


เช่นเดียวกัน คนที่ต้องการจะไม่ถูกพิพากษาจากความบาปของบรรพบุรุษ หรือความผิดพลาดที่ตนเองได้กระทำ ณ ปัจจุบัน ก็เพียงมาหาพระเยซู ขอเน้นว่า ต้องเข้ามาหาเท่านั้น!

ถ้าพระคัมภีร์มีแค่ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 ก็ดูเหมือนว่า พระเจ้าโอ๋คุณนะ เหมือนเป็นแค่ประโยคบอกเล่าไม่ได้ซีเรียสอะไร เล่าให้ฟังเฉยๆ...

แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ เพราะเนื้อหาของบทสนทนามีความหมายว่า คนที่ต้องการรอดเท่านั้น ถึงจะได้รับ

ความรักของพระเจ้าคือข้อเสนอ และต้องมีการตอบรับด้วย...รัก ต้องตอบด้วยรัก

อย่ารอจนวินาทีสุดท้ายนะครับ ถึงจะมารับการรักษาจากพิษร้ายของโลกนี้!

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สัมมนาครั้ง 4 ภารกิจเมสสิยาห์ เทศกาลปัสกาครั้งที่สอง

"ไม่หยุดสัมมนาเหรอ เดือนธันวานี้ มีเทศกาลคริสตมาสนะ"

"ก็เคยบอกแล้วไง พระเยซูไม่ได้เกิด 25 ธันวา"

เราจึงไม่หยุดสัมมนา! เสาร์ที่ 16 ธันวา 17 พบกัน


วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ข้อมูล 4Gproject ครั้งที่ 3

สไลด์ในครั้งที่ 3 นี้ เริ่มต้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่หายไปของพระเยซู และข่าวลือที่เกิดขึ้นว่าพระองค์เสด็จไปอยู่อินเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่อ้างว่า...หรือแต่งขึ้นเองมาเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังส่งผลถึงปัจจุบัน

ต่อด้วยการเริ่มต้นงานของ ยอห์นผู้ให้บัพติศมา และจบลงด้วยการทำงานในปีแรกของช่วงเทศกาลปัสกาของพระเยซู ซึ่งจะต่อด้วยปัสกาครั้งที่สอง ในครั้งต่อไป...