ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568

อาโรน ปุโรหิตผู้แบกประชากรต่อพระพักตร์พระเจ้า

ตอนที่ 2 – อาโรน : ปุโรหิตใหญ่ผู้แบกประชากรต่อพระพักตร์พระเจ้า

เนื้อหา: อาโรนกับการรับใช้ในพลับพลา การถวายเครื่องบูชา และการยืนแทนประชากร (อพยพ 28–29)

แนวคิดหลัก: ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณต้องยืนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพระเจ้ากับคน



อาโรน : ปุโรหิตใหญ่ผู้แบกประชากรต่อพระพักตร์พระเจ้า
(อพยพ บทที่ 28–29)

    อาโรน คือบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกด้วยพระหัตถ์ ให้เป็นปุโรหิตใหญ่คนแรกของอิสราเอล หน้าที่ของเขาไม่ใช่เพียงแค่ทำพิธีทางศาสนา แต่เป็นการ “ยืนอยู่ระหว่างพระเจ้าและมนุษย์” เพื่อถวายบูชา แทนบาป และนำประชากรให้เข้าถึงพระเมตตาของพระองค์ พลับพลาแห่งการนมัสการในถิ่นทุรกันดารจึงกลายเป็นจุดเชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลก และอาโรนคือผู้รับใช้ผู้หนึ่งที่แบกภาระนั้นไว้บนบ่า

    ใน อพยพ บทที่ 28 พระเจ้าทรงกำหนดให้อาโรนสวมเครื่องแต่งกายศักดิ์สิทธิ์ที่มีความหมายลึกซึ้งทุกชิ้น เสื้อเอโฟดที่มีศิลาบนบ่า สลักชื่อเผ่าทั้งสิบสองของอิสราเอล เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาแบกประชากรไว้ต่อหน้าพระเจ้าเสมอ ส่วนแผ่นโล่บนหน้าอกที่ฝังอัญมณีสิบสองเม็ด ก็เป็นสัญลักษณ์ว่าหัวใจของปุโรหิตต้องเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยต่อคนของพระเจ้า การแต่งกายจึงไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ แต่เป็นการเตือนใจว่า ปุโรหิตต้องดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ สมกับการเป็นผู้แทนของประชากรต่อพระพักตร์พระองค์

    ใน อพยพ บทที่ 29 พระเจ้าทรงสถาปนาอาโรนและบุตรของเขาผ่านพิธีชำระ ตั้งแต่การล้างตัว การเจิมน้ำมัน ไปจนถึงการถวายเครื่องบูชาสามประเภท—วัวเพื่อชำระบาป แกะตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาเผา และแกะอีกตัวเป็นเครื่องบูชาสันติภาพ ทุกขั้นตอนสะท้อนความจริงฝ่ายวิญญาณว่า ไม่มีใครสามารถยืนต่อหน้าพระเจ้าได้ หากไม่ผ่านการชำระด้วยโลหิต และไม่ถวายชีวิตของตนเพื่อพระองค์

    อาโรนจึงเป็นภาพเงาล่วงหน้าของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นปุโรหิตใหญ่สมบูรณ์แบบ ผู้ทรงยืนแทนเราต่อพระบัลลังก์แห่งพระคุณ ไม่ใช่ด้วยโลหิตของสัตว์ แต่ด้วยพระโลหิตของพระองค์เองที่บริสุทธิ์นิรันดร์ (ฮีบรู 9:11–14)

    แนวคิดที่เราเรียนรู้จากอาโรนคือ — ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณต้องยืนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพระเจ้ากับคน ไม่ใช่เพื่อยกตนเหนือผู้อื่น แต่เพื่อแบกรับพวกเขาไว้ในคำอธิษฐาน และนำพาพวกเขาเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพระเจ้า การรับใช้ที่แท้จริงจึงไม่ใช่การทำงานเพื่อศาสนา แต่คือการถวายชีวิตเพื่อให้คนได้สัมผัสพระเจ้าอย่างใกล้ชิด

    เมื่อเรามองดูอาโรนในพลับพลา เห็นเขายืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นเครื่องหอมและควันบูชาที่ลอยขึ้นสู่สวรรค์ ขอให้ภาพนั้นเตือนใจเราว่า ทุกการรับใช้ของเราคือการยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อคนอื่น เพื่อพระสิริของพระองค์ และเพื่อให้โลกนี้ได้รู้จักพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยความรัก












ไม่มีความคิดเห็น: