เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ตามทัศนะของคนยิวนั้น มักจะเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ที่จะมาปลดปล่อยชนชาติออกจากการเป็นทาส หรือจากการถูกข่มเหงรังแกจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า
“เพราะฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานหมายสำคัญเอง ดูเถิด หญิงสาว (ในฉบับเสปตัวยินต์ คือฉบับกรีกโบราณใช้คำที่แปลว่า สาวพรหมจารีได้) คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล (แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตกับเราทั้งหลาย)” อิสยาห์ 7:14
จากคำพยากรณ์นี้ใช้เวลานานถึง 800 ปี กว่าสิ่งที่กล่าวไว้จะเกิดขึ้นจริง แน่นอนว่า คนยิวจำนวนมากลืมเลือนกับคำพยากรณ์นี้ เพราะระยะเวลาที่เนิ่นนาน ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมของพวกเขา
จนกระทั่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมายังเยรูซาเล็ม พร้อมกับวิชาโหราศาสตร์ ได้ติดตามดวงดาวเพื่อค้นหากษัตริย์ที่กำลังจะมาบังเกิดพร้อมกับการเคลื่อนที่ของดาวประหลาดดวงหนึ่ง
“...ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน” มัทธิว 2:1-2
พวกเขาเป็นชาวต่างชาติ ไม่ใช่ยิว ดังนั้นวิชาโหราศาสตร์จึงเป็นศาสตร์ที่มีพวกเขาได้ใช้ในการค้นหาความหมายของความเป็นไปในโลกใบนี้
“พวกยิวขอเห็นหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา” 1 โครินธ์ 1:22
ข้อพระคัมภีร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนะหรืออัตลักษณ์ประจำชนชาติ พวกต่างชาติใช้สติปัญญาตามวิชาของพวกเขา พวกโหราจารย์ เป็นพวกที่มีความรู้ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์จากเปอร์เซีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของปาเลสไตน์ พวกเขาคงมีความรู้ทางพระคัมภีร์เดิมที่ได้จากเชลยชาวยิวในบาบิโลนและเปอร์เซียเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ว่าจะมีดาวออกมาจากยาโคบ (กดว.24:17) พระเจ้าทรงใช้ความรู้เหล่านี้เปิดเผยถึงการประสูติของพระเยซู
เผ่ามายัน อีกชนเผ่าหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของชาวยิว แต่ในปัจจุบันมีนักวิชาการมากมายโดยเฉพาะแวดวงดาราศาสตร์ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นสุดปีปฏิทินมายัน ซึ่งจารึกโบราณได้ระบุว่า วันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012 เป็นวันสิ้นสุดระบบปฏิทินของมายัน
ความชำนาญในเรื่องดาราศาสตร์ของชนเผ่านี้น่าทึ่งมาก เพราะสามารถทำนายการเกิดสุริยคราสได้อย่างแม่นยำ ในภาพยนตร์เรื่อง “Apocalypto” ของเมล กิ๊บสัน ได้สื่อเรื่องราวของชนเผ่านี้
ภาพยนตร์อีกเรื่องของเมล กิ๊บสัน
ที่กำลังสื่ออะไรบางอย่างให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความสามารถทางดาราศาสตร์ของพวกมายัน
การทำนายการเกิดสุริยคราสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ก็ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์ปรากฏไปทั่วยุโรปถึงความสามารถของชาวสยาม จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิทยาศาสตร์”
เกิดสุริยคราสเต็มดวงที่ตำบลหว้ากอ รัชกาลที่ 4 สามารถทำนายการเกิดปรากฏการณ์นี้ ด้วยวิชาโหราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ จนทำให้ชาวต่างชาติทึ่ง
หลักโหราศาสตร์ที่แท้จริงก็คือหลักสถิติโดยมีดวงดาวเป็นตัวกำหนด สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สนใจเรื่องวันสิ้นสุดของปฏิทินมายันก็คือ ในวันนั้น “ระบบสุริยจักรวาล” จะมาบรรจบพบกับ “ทางช้างเผือก” จนเกิดปรากฏการณ์ที่เกินคำบรรยายเกิดขึ้นนั่นคือ
• ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
• การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
• ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนแออย่างมาก (ลูกา 21:11)
• ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม (วิวรณ์ 16:18)
• สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ (วิวรณ์ 16:9)
• กลุ่มวัตถุในอวกาศมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น (มัทธิว 24:29)
• แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (1 เธสะโลนิกา 4:17-18)
จากข้อมูลที่เป็นเหมือนคำพยากรณ์และการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ที่เอ่ยถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นดูจะสอดคล้องกับข้อพระคัมภีร์หลายตอนที่เอ่ยถึงเหตุการณ์ในช่วงวันสิ้นยุค หนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง “แรงดึงดูดของโลก”
“...หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด” 1 เธสะโลนิกา 4:17-18
การถูกรับขึ้น (Rapture) เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
ถ้าเรื่องนี้มีเค้าความจริง ก็น่าจับตาว่า ระหว่างช่วงเวลาจากวันนี้จนไปถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง ซึ่งนับเวลาดูก็ประมาณอีก 4 ปี ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ตารางเวลาที่น่าสนใจนี้กำลังบอกอะไรกับเรา?
“เพราะฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานหมายสำคัญเอง ดูเถิด หญิงสาว (ในฉบับเสปตัวยินต์ คือฉบับกรีกโบราณใช้คำที่แปลว่า สาวพรหมจารีได้) คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล (แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตกับเราทั้งหลาย)” อิสยาห์ 7:14
จากคำพยากรณ์นี้ใช้เวลานานถึง 800 ปี กว่าสิ่งที่กล่าวไว้จะเกิดขึ้นจริง แน่นอนว่า คนยิวจำนวนมากลืมเลือนกับคำพยากรณ์นี้ เพราะระยะเวลาที่เนิ่นนาน ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมของพวกเขา
จนกระทั่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมายังเยรูซาเล็ม พร้อมกับวิชาโหราศาสตร์ ได้ติดตามดวงดาวเพื่อค้นหากษัตริย์ที่กำลังจะมาบังเกิดพร้อมกับการเคลื่อนที่ของดาวประหลาดดวงหนึ่ง
“...ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน” มัทธิว 2:1-2
พวกเขาเป็นชาวต่างชาติ ไม่ใช่ยิว ดังนั้นวิชาโหราศาสตร์จึงเป็นศาสตร์ที่มีพวกเขาได้ใช้ในการค้นหาความหมายของความเป็นไปในโลกใบนี้
“พวกยิวขอเห็นหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา” 1 โครินธ์ 1:22
ข้อพระคัมภีร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนะหรืออัตลักษณ์ประจำชนชาติ พวกต่างชาติใช้สติปัญญาตามวิชาของพวกเขา พวกโหราจารย์ เป็นพวกที่มีความรู้ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์จากเปอร์เซีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของปาเลสไตน์ พวกเขาคงมีความรู้ทางพระคัมภีร์เดิมที่ได้จากเชลยชาวยิวในบาบิโลนและเปอร์เซียเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ว่าจะมีดาวออกมาจากยาโคบ (กดว.24:17) พระเจ้าทรงใช้ความรู้เหล่านี้เปิดเผยถึงการประสูติของพระเยซู
เผ่ามายัน อีกชนเผ่าหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของชาวยิว แต่ในปัจจุบันมีนักวิชาการมากมายโดยเฉพาะแวดวงดาราศาสตร์ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นสุดปีปฏิทินมายัน ซึ่งจารึกโบราณได้ระบุว่า วันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012 เป็นวันสิ้นสุดระบบปฏิทินของมายัน
ความชำนาญในเรื่องดาราศาสตร์ของชนเผ่านี้น่าทึ่งมาก เพราะสามารถทำนายการเกิดสุริยคราสได้อย่างแม่นยำ ในภาพยนตร์เรื่อง “Apocalypto” ของเมล กิ๊บสัน ได้สื่อเรื่องราวของชนเผ่านี้
ภาพยนตร์อีกเรื่องของเมล กิ๊บสัน
ที่กำลังสื่ออะไรบางอย่างให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความสามารถทางดาราศาสตร์ของพวกมายัน
การทำนายการเกิดสุริยคราสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ก็ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์ปรากฏไปทั่วยุโรปถึงความสามารถของชาวสยาม จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิทยาศาสตร์”
เกิดสุริยคราสเต็มดวงที่ตำบลหว้ากอ รัชกาลที่ 4 สามารถทำนายการเกิดปรากฏการณ์นี้ ด้วยวิชาโหราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ จนทำให้ชาวต่างชาติทึ่ง
หลักโหราศาสตร์ที่แท้จริงก็คือหลักสถิติโดยมีดวงดาวเป็นตัวกำหนด สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สนใจเรื่องวันสิ้นสุดของปฏิทินมายันก็คือ ในวันนั้น “ระบบสุริยจักรวาล” จะมาบรรจบพบกับ “ทางช้างเผือก” จนเกิดปรากฏการณ์ที่เกินคำบรรยายเกิดขึ้นนั่นคือ
• ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
• การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
• ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนแออย่างมาก (ลูกา 21:11)
• ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม (วิวรณ์ 16:18)
• สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ (วิวรณ์ 16:9)
• กลุ่มวัตถุในอวกาศมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น (มัทธิว 24:29)
• แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (1 เธสะโลนิกา 4:17-18)
จากข้อมูลที่เป็นเหมือนคำพยากรณ์และการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ที่เอ่ยถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นดูจะสอดคล้องกับข้อพระคัมภีร์หลายตอนที่เอ่ยถึงเหตุการณ์ในช่วงวันสิ้นยุค หนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง “แรงดึงดูดของโลก”
“...หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด” 1 เธสะโลนิกา 4:17-18
การถูกรับขึ้น (Rapture) เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
ถ้าเรื่องนี้มีเค้าความจริง ก็น่าจับตาว่า ระหว่างช่วงเวลาจากวันนี้จนไปถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง ซึ่งนับเวลาดูก็ประมาณอีก 4 ปี ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ตารางเวลาที่น่าสนใจนี้กำลังบอกอะไรกับเรา?