จะเห็นภาพชัดเจนว่าผู้ที่ขี่ม้าขาวไม่ใช่พระเมษโปดก แต่เป็นผู้ได้รับอนุญาต
เพราะพระเยซูเป็นผู้ตรัสเอง (ในลูกา) และกระทำเอง (ทรงแกะตราประทับในวิวรณ์)
ทำให้สามารถนำไปใช้กับเรื่องผู้ขี่ม้าขาวในวิวรณ์ได้อย่างง่ายดาย
ในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 6
ข้อ 1 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งในเจ็ดดวงนั้นออกแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็น และได้ยินสัตว์ตัวหนึ่งในสี่ตัวนั้นร้องเสียงดังดุจเสียงฟ้าร้องว่า "มาเถอะ"
ข้อ 2 ข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่งออกมา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือธนู และได้รับพระราชทานมงกุฎ แล้วท่านก็ขี่ม้าออกไปอย่างมีชัย และเพื่อได้ชัยชนะ
ในพระธรรมตอนนี้ตำราและนักวิชาการพระคัมภีร์มักจะตีความว่าคือ "พระเยซู" หรือ "คริสตศาสนา" แต่หากเราดูในข้อ 1 ดีๆ จะพบว่า "พระเมษโปดก" เป็นผู้แกะตรา และต่อมาก็มีม้าขาวออกมา หากเป็นพระองค์จริงคงเป็นเรื่องแปลกประหลาด เพราะหลังจากที่พระองค์ขี่ม้าขาวแล้วต้องกลับมาแกะตราดวงที่ 2 อีก และตราต่อๆ ไปด้วย
ดังนั้นในข้อนี้มีการตีความใหม่เกิดขึ้นจากการสัมมนาเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจได้ว่า "ผู้ขี่ม้าขาว" ไม่ใช่ "พระเมษโปดก" หรือ "พระเยซูคริสต์" อย่างแน่นอน
เหตุผลก็คือ
1. พระเยซูคงไม่แสดงบทบาทกลับไปกลับมาอย่างนี้
2. พระธรรมลูกา บทที่ 21 ข้อ 8 ได้เผยข้อข้องใจนี้
ลูกาบทที่ 21
ข้อ 8 พระองค์จึงตรัสว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราและว่า 'เราเป็นผู้นั้น' และว่า 'เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว' อย่าตามเขาไปเลย
ข้อ 9 เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจำต้องเกิดขึ้นก่อนแต่ที่สุดปลายยังจะไม่มาทันที"
ข้อ 10 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า "ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน
ข้อ 10 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า "ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน
ข้อ 11 ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และจะเกิดกันดารอาหารและโรคภัยในที่ต่างๆ และจะมีความวิบัติอันน่ากลัว และหมายสำคัญใหญ่ๆจากฟ้าสวรรค์
3. พระธรรมเยเรมีย์บทที่ 32 ข้อ 36 ได้ยืนยันลักษณะของผู้มีชัยชนะ
ข้อ 36"เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสเกี่ยวกับเมืองนี้แก่เจ้าทั้งหลายว่า 'เมืองนี้ได้ถูกยกให้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด'