"Jesus came to destroy sin, not to manage it"
"พระเยซูมาเพื่อทําลายบาป ไม่ได้มาเพื่อบริหารจัดการบาป"
ศิลปิน ไม่ใช่นักวิชาการพระคัมภีร์! บางครั้งดูดี แต่อาจผิดหลักศาสนศาสตร์นะจ๊ะ
ขอชี้แจงนะครับ หลังจากอ่านข้อความนี้แล้ว รู้สึกขัดใจหลายอย่าง เพราะหากเราเข้าใจความหมายของบาปตามพระคัมภีร์เดิม และใหม่ อาจมีความหมายไปอีกแบบ
จริงๆ "พระเยซูไม่ได้มาเพื่อทำลายบาป" นะครับ
เพราะ ถ้าพระเยซูมาเพื่อทำลายบาป บาปก็ควรหมดไปจากโลกนี้ แต่ทุกวันนี้เราเองก็ยังอยู่ในบาปที่ต้องตาย
บาป = ความผิดพลาด ตามความหมายของพระบัญญัติ แก้ได้โดยจ่ายค่าชดเชยคือความตาย ถือว่าเคลียร์กันไป
อาดัมทำบาป ค่าจ้างของการทำบาปคือความตาย ถึงจะเอาแกะมาฆ่า มาทำชุดหนังสัตว์ บาปที่ต้องตายก็ยังคงอยู่ แค่ช่วยได้ชั่วคราว วันต่อวัน เดือนต่อเดือน ปีต่อปี จึงถูกพัฒนาเป็นการถวายสัตวบูชาเพื่อลบล้างบาปในแต่ละครั้งที่มนุษย์กระทำ
แต่ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่า เราจะเป็นขึ้นมาอีกเหมือนกับพระองค์ พระองค์ชนะบาปของอาดัมและส่งผลถึงเราด้วย
แม้ว่าจะเจอพระเยซูแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายขาดออกจากบาปที่ต้องตาย เรายังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความบาปที่เราเองพร้อมจะผิดพลาดทำบาปตลอดเวลา วิธีเดียวก็คือเราต้องไม่ทำเพิ่ม หรือสารภาพบาปทุกวัน
บาปจึงถูกแบ่งเป็น 2 ระดับ
1. บาปอดีต ที่เราติดเชื้อบาปมาจากอาดัม คือมนุษย์ฺทุกคนต้องตาย
2. บาปปัจจุบัน ที่เราต้องพยายามไม่สร้างเพิ่ม
ในตัวอย่างจากพระคัมภีร์ใหม่ หลายๆ ครั้งพระเยซูยกบาปให้หลายๆ คน ทั้งคนป่วย คนเป็นง่อย หญิงล่วงประเวณี พระองค์พูดเหมือนๆ กันคือ
"...บาปของท่านได้ยกแล้ว จงไปเถิด และอย่าทำบาปอีก"
การไม่ทำบาปอีก จึงเป็นภารกิจของเรา ที่ต้องทำให้ได้ เป็นคนบริสุทธิ์สมกับที่พระองค์ลงมาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เพื่อเตรียมคนของพระองค์เข้าอาณาจักรของพระองค์ในยุคพันปี
วาทกรรมทางศาสนา อาจดูดี แต่ต้องเอาพระคัมภีร์มาตรวจสอบ
หากจะใช้วาทกรรมที่เหมาะสม ควรกล่าวว่า "พระเยซูมาเพื่อยกหนี้บาปในอดีต และเราก็ควรเป็นคนชอบธรรมให้สมกับที่พระองค์ทรงยกหนี้บาปให้่" อาเมน