ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำแบ่งปันจากอ.ปากชม

ข้อพระคัมภีร์จากมัทธิว บทที่ 13


คำอุปมาเกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมาน
  • 24 พระองค์ตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังว่า "อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งได้หว่านพืชดีในนาของตน
  • 25 แต่เมื่อคนทั้งหลายนอนหลับอยู่ ศัตรูของคนนั้นมาหว่านข้าวละมานปนกับข้าวสาลีนั้นไว้ แล้วก็หลบไป
  • 26 ครั้นต้นข้าวนั้นงอกขึ้นออกรวงแล้ว ข้าวละมานก็ปรากฏขึ้นด้วย
  • 27 ผู้รับใช้แห่งเจ้าบ้านจึงมาแจ้งแก่นายว่า `นายเจ้าข้า ท่านได้หว่านพืชดีในนาของท่านมิใช่หรือ แต่มีข้าวละมานมาจากไหน'
  • 28 นายก็ตอบพวกเขาว่า `นี้เป็นการกระทำของศัตรู' พวกผู้รับใช้จึงถามนายว่า `ท่านปรารถนาจะให้พวกเราไปถอนและเก็บข้าวละมานหรือ'
  • 29 แต่นายตอบว่า `อย่าเลย เกลือกว่าเมื่อกำลังถอนข้าวละมานจะถอนข้าวสาลีด้วย
  • 30ให้ทั้งสองจำเริญไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว และในเวลาเกี่ยวนั้นเราจะสั่งผู้เกี่ยวว่า "จงเก็บข้าวละมานก่อนมัดเป็นฟ่อนเผาไฟเสีย แต่ข้าวสาลีนั้นจงเก็บไว้ในยุ้งฉางของเรา"'"

ทรงอธิบายคำอุปมาเกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมาน
  • 36 แล้วพระเยซูจึงทรงให้คนเหล่านั้นจากไปและเสด็จเข้าไปในเรือน พวกสาวกของพระองค์ก็มาเฝ้าพระองค์ทูลว่า "ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายให้พวกข้าพระองค์เข้าใจคำอุปมาที่ว่าด้วยข้าวละมานในนานั้น"
  • 37 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ผู้หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้แก่บุตรมนุษย์
  • 38 นานั้นได้แก่โลก ส่วนเมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งอาณาจักร แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย
  • 39 ศัตรูผู้หว่านข้าวละมานได้แก่พญามาร ฤดูเกี่ยวได้แก่การสิ้นสุดของโลกนี้ และผู้เกี่ยวนั้นได้แก่พวกทูตสวรรค์
  • 40 เหตุฉะนั้น เขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร ในการสิ้นสุดของโลกนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น
  • 41 บุตรมนุษย์จะใช้พวกทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และบรรดาผู้ที่ทำความชั่วช้าไปจากอาณาจักรของท่าน
  • 42 และจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
  • 43 คราวนั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในอาณาจักรพระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมีหูจงฟังเถิด
เมื่อผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมพี่น้องเกษตรกร และไร่นาในหลายจังหวัด เมื่อถึงเวลาแบ่งปันพระคำของพระเจ้าก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงคำอุปมาในบทนี้ เพราะปัญหาที่ถูกถามแทบจะทุกที่ก็คือปัญหา หญ้าขึ้นแซงข้าว และสูงกว่าจนไปแย่งอาหารของต้นข้าว

อีกอย่าง เมื่อมองกลับมายังคริสตจักร ในโบสถ์ ตัวเราเองหรือเปล่าที่อาจจะเป็นข้าวละมาน เพราะนอกจากจะไม่เกิดผล 30 เท่า 60 เท่า หรือ 100 เท่า ยังชูคอโดดเด่นกว่าผู้อื่น สิ่งที่สังเกตได้ชัดคือ

ยิ่งเกิดผลมากยิ่งถ่อมมาก เพราะข้าวยิ่งมีเมล็ดมาก กิ่งก้านก็ค้อมลงเพราะน้ำหนักเมล็ดข้าวที่เพิ่มจำนวน

ดังนั้นอุปมาเรื่องนี้ คงพูดถึงคริสเตียนโดยตรง เพราะเราต้องสำรวจชีวิตเราให้ดี อยู่ในนาของพระเจ้า ต้องเกิดผล เด็กๆ ถามว่า เกิดผลได้ยังไง หลายคนอาจจะมองเรื่องการนำคนมารับเชื่อ ยิ่งหลายคนยิ่งเกิดผล ซึ่งโดยกายภาพ หรือจำนวนนับก็น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ในโลกของจิควิญญาณ หาเป็นเช่นนั้นไม่

ใครเกิดผล ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ผลที่ว่าคือผลของพระวิญญาณ ถ้าเราสามารถแสดงความรัก ความเมตตา มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคนอยากอยู่ใกล้ อยากคุยด้วย มากกว่าอยากอยู่ห่างๆ นั่นก็น่าจะเพียงพอสำหรับการรับรู้ของเรา

หากใครแวะเข้ามาอ่าน ก็ถือว่า พระเจ้าปรารถนาให้ท่านเกิดผล 30 เท่า 60 เท่า 100 เท่า บ้าง ก็ตามแต่ท่านจะพรวนดิน ไถปรับชีวิตของท่าน เพื่อรับเม็ลดพันธุ์ที่ดีจากพระเจ้า