ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

การศึกษาพระคัมภีร์เชิงลึก

ผมเคยตั้งคำถามเป็นเชิงอุปมาว่า "ถ้าทะเลคือคริสตจักร" แล้วตัวเราเกี่ยวข้องหรืออยู่ในส่วนไหนของทะเลนั้น แล้วภาพเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมา...

เป็นการอุปมาเปรียบให้เห็นภาพ

เช่นเดียวกับโบสถ์เลย ไม่มีคนมาโบสถ์วันธรรมดา

วันอาทิตย์มีคนมาเยอะหน่อย

แต่พอวันคริสตมาส มากันเต็ม
น่าแปลกที่อาทิตย์อื่นไม่เห็นจะมากัน ทั้งๆ ที่ว่างทั้งปี

เหมือนกันทุกประการ

เห็นแทบทุกอาทิตย์

ก็มีบ้าง

ถ้าคนขับเรือ (ผู้สอน) สนุก - คนนั่ง (คนฟัง) ก็สนุกด้วย

ได้สัมผัสความจริงในพระคัมภีร์ด้วยตัวเองระดับผิวน้ำ

ส่วนใหญ่ก็ทำได้เพียงอยู่ริมหาดและว่ายเล่นผิวน้ำ
เหมือนคริสเตียนที่มาโบสถ์เฉพาะวันอาทิตย์
ไม่ได้ดำดิ่งสู่ความล้ำลึก
   
ใต้ท้องทะเลลึกมีความสวยงามเกินคำบรรยาย
เฉกเช่นเดียวกับการอ่านพระคัมภีร์อย่างลึกซึ้ง

และยิ่งได้ดำลึกไปยิ่งขึ้น ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น

คนที่ดำน้ำลึกเท่านั้นถึงจะรู้ว่าศัตรู (ซาตาน)
มีลักษณะอย่างไร จะจู่โจมเราวิธีไหน
แต่คนที่อยู่ระดับผิวน้ำและชายหาดไม่รู้ จนกว่าภัยจะมาถึงตัว

การจะดำน้ำลึกต้องมีอุปกรณ์

ต้องเรียนรู้กับผู้มีประสบการณ์
(ไปโรงเรียนพระคัมภีร์)

มีการทดสอบฝึกฝนจนชำนาญในการใช้อุปกรณ์

มีพี่้เลี้ยงช่วยแนะนำแลกเปลี่ยนประสบการณ์

เก่งแล้วถึงลุยเดี่ยวได้

แต่ถ้าอยากลงลึกแบบไม่เปียกก็ต้องเรือดำน้ำ

SophiaMedia ขออาสาเป็นเรือดำน้ำให้พี่น้องทุกท่านครับ

" ไปเอาความรู้มาจากไหน!"

มีครั้งหนึ่ง ผมไปบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ ขณะที่กำลังบรรยายอยู่ มีพี่น้องท่านหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมาว่า...

"อาจารย์ ไปเอาความรู้มาจากไหน? ในพระคัมภีร์ไม่เห็นมี!"

โดนตั้งคำถามแบบนี้ ขณะที่สอนอยู่ ก็รู้สึก 2 แบบ คือ คนถามอยากรู้จริงๆ หรือ แค่ลองภูมิ!

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ก็ทบทวนตัวเองว่า "ไปเอาความรู้มาจากไหน? ในพระคัมภีร์ไม่เห็นมี!"

แน่นอนครับว่า ผมมีคำตอบอยู่แล้ว และช่วงนี้อยู่ในช่วง "งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 40" ตั้งแต่วันที่ 28 มีค. และจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 8 เมษา จึงอยากจะเชิญชวนทุกท่านไปหาความรู้ได้ จากการอ่านหนังสือนั่นเอง

คำตอบง่ายๆ ก็คือ "ผมอ่านหนังสือครับ"

ไม่ใ่ช่แค่อ่านหนังสืออกนะครับ แต่ต้องเลือกเรื่องที่จะอ่านให้ได้ความรู้นั้นด้วย

แน่นอนว่า พระคัมภีร์ เป็นหลักในการอ่านอยู่แล้ว แต่คู่มือที่ช่วยให้เราเข้าใจพระคัมภีร์มากขึ้นนี่แหละที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราได้รับควงามรู้ความเข้าใจในพระคัมภีร์มากขึ้น

ขอยกตัวอย่างหนังสือที่ผมใช้เป็นประจำในการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ

เล่มนี้ใช้บ่อย เพราะเป็นคู่มือพระคัมภีร์
มีข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์เยอะดี

เล่มนี้มีเกร็ดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพระคัมภีร์เยอะมาก
มีภาพประกอบแปลกตาด้วย

เล่มนี้ขอบอกว่าช่วยให้เข้าใจพระคัมภีร์ทั้งเล่มเลย
เพราะมีการจัดสารบบของแต่ละเล่ม
และยังมีตารางเวลาให้เราเข้าใจว่า
พระธรรมเรื่องนี้เกิดขึ้น หรือเขียนขึ้นเมื่อไร ใครเป็นคนเขียน

พระคัมภีร์ภาษาฮีบรู
อ่านก็ำไม่ออก มีไว้สะสม
แต่สุดท้ายก็ได้ใช้ประโยชน์เหมือนกัน
ในการบรรยายเรื่อง "ดาเนียล"

เล่มนี้เพิ่งซื้อ ชอบมากๆ เป็นประวัติศาสตร์เยรูซาเล็ม
ทุกช่วงเวลา ตั้งแต่สมัยกษัตริย์ดาวิดสร้างเมืองนี้ขึ้นมา
จนมาจบที่สงครามหกวัน เยรูซาเล็มกลับมาเป็นของชาวยิวอีกครั้ง
ยังมีอีกหลายเล่มที่เป็นแหล่งความรู้ อ่านพระคัมภีร์อย่างเดียวได้พระพรฝ่ายวิญญาณ อ่านหนังสือคู่มือเสริมด้วย ได้เข้าใจทั้งจิตวิญญาณและความจริง

"...แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว   และบัดนี้ก็ถึงแล้ว   คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา   ด้วยจิตวิญญาณและความจริง   เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ   และผู้ที่นมัสการพระองค์   ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”  ยอห์น 4:23-24