ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

ภาวะโลกร้อนในมุมมองจากพระคัมภีร์


“ความแห้งแล้งและความร้อนฉวยเอาน้ำหิมะไปฉันใด แดนคนตายก็ฉวยเอาผู้กระทำบาปไปฉันนั้น” โยบ 24:19

Dr. H. Jay Zwally (NASA climate scientist) ผู้ทำการศึกษาเรื่องน้ำแข็งขั้วโลก
"ในไม่ช้านี้ น้ำแข็งทั้งหมดอาจจะหายไปจากมหาสมุทรอาร์คติก ในสิ้นฤดูร้อน ปี 2012"

เมื่อปี 2007 นักวิทยาศาสตร์จากองค์กรนาซ่า (NASA) ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องน้ำแข็งขั้วโลกที่นับวันจะละลายไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นวิกฤติ โดยผ่านมาแล้วถึง 30 ปี และคาดว่ามันจะละลายหมดในฤดูร้อนปี 2012 (หรืออีก 3 ปีข้างหน้า)

วัดขุนสมุทราวาส อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ประสบปัญหาน้ำท่วม ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
หลักเขตบางขุนเทียน ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ในทะเลมากว่า 30 ปี นับตั้งแต่น้ำแข็งขั้วโลกละลาย

การเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อนของชาวโลกนั้น นับว่าตื่นตัวมากขึ้น แม้แต่ในประเทศไทย ก็มีการกล่าวถึงเรื่องนี้อยู่ในหลายๆ โอกาส เพราะผลกระทบนั้นส่งผลมายังพื้นที่ติดทะเลของกรุงเทพมหานคร อย่างเขตบางขุนเทียน ที่แผ่นดินหายไปกว่า 3 กิโลเมตร และส่วนต่างๆ กว่า 130,000 ไร่


กลุ่ม Endtime warning (Thailand) และสำนักพิมพ์ Sophia Books ได้จัดสัมมนาและมีการบรรยายในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น พระคริสตธรรมศึกษาเชียงราย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต (คณะวิศวกรรม) รวมไปถึงกลุ่มอนุชนคริสตจักรคลองเตย และคริสตจักรสะพานเหลือง สัมภาษณ์ออกรายการคริสเตียนวาไรตี้ (ช่อง TTV2) และรายการจิบน้ำชายามบ่าย (ช่อง MVTV)

การนำเสนอข้อมูลภาวะโลกร้อนในปัจจุบันกับมุมมองจากพระคัมภีร์
เนื้อหาสัมมนาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ อย่างเช่น พายุแคทรีน่าถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์ที่อเมริกา และพายุนาร์กีสที่พม่า แผ่นดินไหวที่เวิ่นฉวน มณฑลเสฉวน ของจีน
คู่มือรับมือคลื่นพายุซัดฝั่งของกรุงเทพมหานคร
Storm Surge ที่อาจจะเข้าใกล้กรุงเทพฯ ในวันใดวันหนึ่ง ท่านเตรียมพร้อมที่จะรับมือแค่ไหน หรือยังไม่เคยได้ยินมาก่อน!

ล่าสุดที่ชาวกรุงต้องตื่นเต้นและเฝ้าจับตาดูก็คือเรื่อง Storm Surge ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร มันเป็นเพียงข้อมูลทางวิชาการ หรือคือเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง และเหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับยุคสุดท้าย ที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง

“พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ดูเถิด น้ำทั้งหลายกำลังขึ้นมาจากทิศเหนือ และจะกลายเป็นกระแสน้ำท่วม
มันจะท่วมแผ่นดินและสารพัดซึ่งอยู่ในนั้น ทั้งเมืองและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง คนจะร้องร่ำไร
และชาวแผ่นดินนั้นทุกคนจะคร่ำครวญ”
เยเรมีย์ 47:2

หัวข้อสัมมนาที่ทางเราได้จัดขึ้นคือ :
1. ภาวะโลกร้อนกับยุคสุดท้าย
2. การฝังไบโอชิพในมนุษย์ (เพื่อบังคับเรื่องการซื้อขาย)
3. การปรากฏตัวของรัฐบาลโลก (หญิงแพศยากับสัตว์ร้าย)
4. วันสิ้นโลกมายัน 21 ธันวาคม 2012
5. มนุษย์ต่างดาวกับคัมภีร์ไบเบิ้ล
6. สมาคมลับกับลัทธิเทียมเท็จ
7. การสร้างพระวิหารหลังที่ 3 ในเยรูซาเล็ม (สัญญาณเตือนก่อนกลียุค)
8. ยุคพันปี
9. เวลาของพระเจ้า
10. ตรา แตร ขัน
11. การรับมือในช่วง 7 ปีกลียุค

...เพราะฉะนั้น ขอให้ธรรมิกชนทุกคนอธิษฐานต่อพระองค์
ในเวลาที่จะพบพระองค์ได้
ในเวลาน้ำท่วมมาก น้ำจะไม่มาถึงคนนั้น...
สดุดี 32:6

“สันติภาพไม่เกิด เมื่อกำแพงยังขวางกั้น”


นับตั้งแต่อดีตกาลมนุษย์เราได้สร้างสิ่งหนึ่งเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและชุมชน นั่นคือ “กำแพง” ซึ่งมันทำหน้าที่เป็นเครื่องกั้น เครื่องล้อม ที่ก่อด้วยอิฐ ดิน หรือหิน โดยหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยยับยั้งหรือชะลอเหตุร้ายเภทภัยของผู้ไม่ประสงค์ดี เรื่องแบบนี้ ทุกคนย่อมเห็นด้วยเป็นแน่แท้ และยอมรับโดยดุษฎี
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อที่ใดมีกำแพง ที่นั่นกับดูไม่ปลอดภัย และอยู่ในภาวะที่เหมือนกับว่ามีอันตรายตลอดเวลา ยิ่งมีกำแพงสูงและหนา ยิ่งน่าหวาดหวั่น ดังเช่นกำแพงเรือนจำ ที่สูงและแน่นหนามีผู้คุมตลอด นั่นแสดงว่ามีสิ่งที่เลวร้ายและน่ากลัวอยู่ในนั้นจึงต้องสร้างกำแพงล้อมเอาไว้
อีกประการหนึ่ง ในยุคโบราณ กำแพงที่หนาหลายชั้นของเมืองเยรีโคได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมือง ทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าก็คือ “น้ำ” แม้กำแพงที่แน่นหนาก็ถูกทำลายได้ เมื่อสงครามเกิดขึ้น

“เหตุฉะนั้นประชาชนก็โห่ร้องเมื่อปุโรหิตเป่าแตร ดังนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงแตร เขาก็โห่ร้องดังและกำแพงก็พังลงราบ ประชาชนจึงขึ้นไปในเมืองทุกคนต่างตรงไปข้างหน้าตนและเข้ายึดเมืองนั้น” (โยชูวา 6:20)
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้รอดชีวิตคือหญิงคนหนึ่งที่ได้ต้อนรับและช่วยเหลือผู้สอดแนมด้วยมิตรไมตรี ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากเมืองเยรีโคไม่สร้างกำแพง และเปิดเมืองต้อนรับผู้คน มันจะเป็นอย่างไร..

และการสร้างกำแพงอาจจะสร้างความสูญเสียมากว่าผลที่ได้รับ ดังเช่นกำแพงเมืองจีน ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้สังเวยชีวิตแรงงานทาสไปจำนวนมหาศาลในระหว่างที่สร้างกำแพง

กำแพงเบอร์ลิน ในเยอรมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างรัสเซียและอเมริกา ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้คนในเมืองนั้นต้องพลัดพราก พ่อแม่พี่น้องต้องแยกจากกัน

และล่าสุดคือกำแพงที่กั้นระหว่างอิสราเอลและฉนวนกาซ่า กำแพงที่กั้นชาวปาเลสไตน์ที่ชาวยิวได้สร้างขึ้น เสมือนกำแพงคุกขนาดใหญ่ จนอดคิดไม่ได้ว่า “สันติภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไร.. ในเมื่อกำแพงขวางกั้น”

แล้ววันหนึ่งเมื่อมนุษย์มีเข้าใจในวัตถุประสงค์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ กำแพงในจิตใจก็คงถูกทำลายลง ไม่กักขัง หรือป้องกันสิ่งใดเอาไว้ได้อีก
ระหว่าง “กำแพง” กับ “สะพาน” ท่านจะสร้างอะไร?

ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า “จงรักเพื่อนบ้าน และเกลียดชังศัตรู” ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน จงอวยพรแก่ผู้ที่สาปแช่งท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ปฏิบัติอย่างเหยียดหยามต่อท่านและข่มเหงท่าน ทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์
พระดำรัสของพระเยซูคริสต์
(มัทธิว 5:43-45)