ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2563

เทพเจ้าของอียิปต์

 อรรถาธิบาย อพยพ บทที่ 12










การดำรงชีวิตของผู้คนในดินแดนแถบนี้เกี่ยวข้องกับแม่น้ำไนล์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีผลทำให้เทพเจ้าต่างๆ ของอียิปต์มีหน้าตาบุคลิกลักษณะเป็นสัตว์ประจำถิ่นไป แต่เทพสูงสุดยังคงเกี่ยวข้องกับดวงดาวในท้องฟ้าอยู่เช่นเดียวกับพวกซูเมเรียน

เทพ “รา (Ra)” คือเทพสูงสุดของอียิปต์ มีวาจาสิทธิ์ในการสร้างสรรพสิ่ง เช่นเดียวกับพระเจ้าของชาวยิว

เมื่อเทพ “รา” ตรัสว่า “ข้าคือ เคเปรา (Khepera) ในยามรุ่งอรุณ คือ รา ในยามเที่ยงวัน และคือ ตุม (Tum) ในยามเย็น” และปรากฏร่างเป็นดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทิศตะวันออก และหายไปทางตะวันตกในวันแรกของการกำเนิดโลก

เมื่อเอ่ยนาม “ชู (Shu)” สายลมก็พัด

กล่าวคำว่า “เตฟนุต (Tefnut)” ฝนก็ตกลงมา

และคำว่า “เกบ (Geb)” แผ่นดินโลกก็เกิดขึ้น

“นุต (Nut)” กลายเป็นท้องฟ้า

“ฮาปิ (Hapy)” กลายเป็นแม่น้ำ (คือแม่น้ำไนล์)

เทพ “รา” เอ่ยคำอะไรสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก คำตรัสสุดท้ายก็คือ ชาย และ หญิง จึงถือกำเนิดมาเป็นประชาชนของอียิปต์

แล้วเทพ “รา” ก็กลายร่างเป็นมนุษย์ปกครองอียิปต์นับพันปี ถือว่าเป็นฟาโรห์องค์แรก

ดังนั้นสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์จึงเป็นสัญลักษณ์ที่พบเห็นอยู่บ่อยๆ ในภาพวาด หรือรูปสลักของอียิปต์

ในเรื่องเวทมนตร์คาถานั้น หากสังเกตจากเรื่องนี้ก็พอที่จะให้เราคลำทางได้ว่า คาถาอาคมต่างๆ ก็เกิดจากการพูดนั่นเอง การท่องคำเดิมๆ ซ้ำๆ ได้เพิ่มพลังสมาธิแก่ผู้ท่องบ่นหรือสวดภาวนาจนบรรลุถึงขั้นสูงสุด จนเมื่อคนๆ นั้นกล่าวสิ่งใด สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น

ฟาโรห์แห่งอียิปต์มักจะมีไม้เท้าหรือคทาที่ใช้ควบคู่ไปกับการประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ และการเรียนรู้เวทมนตร์เป็นเรื่องปกติที่เจ้าชายเจ้าหญิงและเหล่านักบวชชั้นสูงแห่งอียิปต์ต้องกระทำกัน