“เอลีซาเบธ — ผู้รอคอยด้วยศรัทธา” ลูกา 1:5–25, 39–45
แนวคิดหลัก : เอลีซาเบธถูกลืมมานานในชีวิต แต่พระเจ้าทรงระลึกถึงเธอในเวลาที่เหมาะสม ความเชื่อของเธอทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จผ่านการให้กำเนิดยอห์นผู้ให้บัพติศมา
ประยุกต์ใช้ : พระเจ้าไม่เคยลืมผู้ที่สัตย์ซื่อแม้ในยามเงียบงัน ชีวิตที่แก่ชราไม่ใช่สิ่งไร้ค่า แต่เป็นเครื่องมือในน้ำพระทัย การรอคอยด้วยความเชื่อเป็นการนมัสการ
เอลีซาเบธ — ผู้รอคอยด้วยศรัทธา
ลูกา 1:5–25, 39–45
เอลีซาเบธเป็นสตรีจากตระกูลปุโรหิตอาโรน ผู้ดำเนินชีวิตชอบธรรมต่อพระเจ้า ทั้งเธอและเศคาริยาห์สามีปฏิบัติตามบทบัญญัติด้วยใจสัตย์ซื่อมานานหลายปี แต่ในวัฒนธรรมยิวโบราณ การไร้บุตรคือความเจ็บปวดลึกในหัวใจ และถูกสังคมตีความว่าเป็นความไม่โปรดปรานจากพระเจ้า ชีวิตของเธอจึงเหมือนถูกวางไว้ในความเงียบงันอันยาวนาน แม้ผู้คนอาจมองผ่าน แต่พระเจ้าไม่เคยมองผ่านเธอเลย เพราะพระคัมภีร์ยืนยันว่าทั้งคู่เป็น “คนชอบธรรมต่อพระเจ้า”
ในวันที่เศคาริยาห์ปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหาร องค์ทูตสวรรค์กาเบรียลประกาศข่าวที่ดูเกินความคิดของมนุษย์ พระเจ้าทรงระลึกถึงคำอธิษฐานที่ยาวนานและเปี่ยมความหวังของคนชรา และเลือกจะเริ่มต้นยุคใหม่แห่งความรอดผ่านครอบครัวซึ่งหลายคนคิดว่า “หมดเวลาแล้ว” ลูกชายของพวกเขาจะเป็นยอห์น ผู้ให้บัพติศมา ผู้เตรียมทางให้พระเมสสิยาห์ ชีวิตของเอลีซาเบธจึงไม่เพียงถูกปลอบประโลมด้วยการมีบุตร แต่ยังถูกยกขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การไถ่ของมนุษยชาติอีกด้วย
เมื่อมารีย์เดินทางมาหาเอลีซาเบธในยูเดีย เหตุการณ์เล็กๆ ในบ้านชนบทกลับกลายเป็นการประกาศครั้งสำคัญ เด็กในครรภ์เอลีซาเบธดีดดิ้นด้วยความชื่นชมยินดี และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เธอเอ่ยถ้อยคำประกาศยืนยันว่าสิ่งที่มารีย์กำลังอุ้มอยู่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เหมือนพระเจ้าทรงเปิดม่านเผยให้เห็นว่า หญิงสูงวัยผู้เคยถูกลืมกลับกลายเป็นพยานคนแรกๆ ของยุคเมสสิยาห์
เรื่องราวของเอลีซาเบธชี้ให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงทำงานในเวลาของพระองค์เสมอ ไม่เคยเร็วหรือช้าเกินไป หากเราดำเนินชีวิตด้วยใจสัตย์ซื่อ พระองค์ทรงได้ยินแม้เสียงร้องที่สังคมมองไม่เห็น และทรงรักษาสัญญาแม้ในช่วงยาวนานของความเงียบงัน สำหรับผู้ที่คิดว่าตน “ผ่านวัยสำคัญไปแล้ว” พระคัมภีร์ยิ่งตอกย้ำว่า ชีวิตสูงวัยไม่เคยไร้ค่า เพราะพระเจ้ามักใช้ผู้ที่ถูกสังคมมองข้ามให้กลายเป็นเครื่องมืออันงดงามในพระประสงค์
การรอคอยด้วยความเชื่อจึงเป็นการนมัสการ เป็นการยอมรับว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อกว่าเวลา ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้อจำกัดของมนุษย์ และทรงจำได้แม้คำอธิษฐานที่เราเปล่งออกด้วยน้ำตา
ข้อคิดสำหรับวันนี้
วันนี้ขอให้เรามองชีวิตผ่านสายตาของเอลีซาเบธ เธอไม่ได้เห็นผลลัพธ์ทันที แต่เลือกเดินต่อด้วยความซื่อสัตย์ จนความเงียบงันหลายสิบปีกลายเป็นเวทีให้พระเจ้าสำแดงพระสิริ
หากคุณกำลังรอคำตอบ หรือรอการเปลี่ยนแปลง จงมั่นใจว่าพระเจ้าได้ยินและทรงจำได้ พระองค์ไม่เคยทำงานช้า แต่ทรงทำงานลึก เพื่อเตรียมคุณให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
ให้วันนี้เป็นวันที่เรารอด้วยความเชื่อ รอด้วยใจสงบ และรอด้วยความหวัง เพราะเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม พระเจ้าจะทำให้ทุกสิ่งสำเร็จอย่างงดงามเสมอ









