ตอนที่ 6 – เอสรา ปุโรหิตนักเขียน ผู้ฟื้นฟูประชากรด้วยพระวจนะ
เนื้อหา: เอสรากับการนำประชาชนกลับมาสู่พระวจนะและการฟื้นฟูจิตวิญญาณ (เอสรา 7–10)
แนวคิดหลัก: ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณต้องยืนหยัดบนพระวจนะเป็นรากฐาน
เมื่อชาวอิสราเอลกลับมาจากบาบิโลน ทุกคนดีใจที่ได้แผ่นดิน แต่ความจริงคือหัวใจยังไม่กลับมาพร้อมกัน หลายปีในแดนกษัตริย์ต่างชาติทำให้ผู้คนอ่อนแรง เหนื่อยล้า และหลุดจากธรรมเนียมแห่งความเชื่อ เหมือนบ้านที่สร้างใหม่ได้ แต่ฐานรากยังสั่นคลอน ลมพัดนิดก็เริ่มโยก และในความสับสนนี้ พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งกลับมาพร้อมม้วนหนังสือ—เอสรา ปุโรหิตเชื้อสายอาโรน ซึ่งเป็นนักเขียนผู้ชำนาญในธรรมบัญญัติของโมเสส เขาไม่ใช่นักปฏิวัติ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณที่ยืนหยัดบนพระวจนะอย่างไม่หวั่นไหว แม้คนทั้งเมืองจะล้มลุกคลุกคลาน เขาก็ยังถือพระวจนะไว้แน่นเหมือนเชือกที่ผูกเรือให้ไม่ไหลไปตามกระแสน้ำ
เอสรามาด้วยหัวใจที่ตั้งมั่น—ศึกษา ปฏิบัติ และสอน—ตามที่เอสรา 7:10 บอกไว้ ไม่ใช่เพื่อแสดงภูมิ แต่เพื่อให้ชีวิตทั้งของตนและประชาชนกลับสู่สิ่งที่มั่นคงกว่าอารมณ์และประสบการณ์ นั่นคือพระวจนะของพระเจ้า เมืองเยรูซาเล็มตอนนั้นเหมือนคนที่กลับบ้านแต่ยังไม่รู้จักบ้านตัวเองดีพอ ชุมชนฟื้นแล้ว แต่จิตใจยังฟุ้งซ่าน แต่งงานปะปนกับชนต่างชาติจนเส้นแบ่งแห่งพันธสัญญาเลือนราง ความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเริ่มถูกกลบด้วยการประนีประนอม เอสราเห็นแล้วก็ไม่เริ่มด้วยการตะโกน ไม่เริ่มด้วยการตำหนิ แต่เริ่มด้วยการคุกเข่าลง อธิษฐาน น้ำตาไหลคาหนังสือธรรมบัญญัติ นี่คือภาพที่เคร่งขรึมและงดงามตามธรรมเนียมโบราณ—ผู้นำฝ่ายวิญญาณแบกความบาปของประชาชนไว้ต่อหน้าพระเจ้าแทนพวกเขา
คำอธิษฐานของเขาไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นเสียงร้องของหัวใจที่แหลกละเอียด และนั่นเองที่ทำให้ประชาชนสะเทือนใจ พวกเขาเริ่มกลับมาเงี่ยหูฟังพระวจนะอีกครั้ง เหมือนคนที่เคยจำรสชาติอาหารบ้านเกิดไม่ได้ พอได้ชิมอีกคำเดียวก็รู้ทันทีว่านี่แหละ…สิ่งที่ขาดไปนาน ชาวอิสราเอลพร้อมใจกันกลับใจ ยอมจัดการปัญหา ยอมปรับชีวิตให้สอดคล้องกับคำสอนของพระเจ้า การฟื้นฟูจึงไม่ใช่เรื่องทางสังคมหรือโครงสร้าง แต่เป็นเรื่องของหัวใจที่กลับสู่ถ้อยคำของพระองค์ การกลับไปหาพระวจนะไม่ใช่เรื่องสวยหรู แต่เป็นการถอนรากวัชพืชออกจากดินชีวิต เจ็บนิดๆ แต่ทำให้เติบโตได้อีกครั้ง
บทเรียนจากเอสราชัดเจนจนแทบไม่ต้องตีความ—พระวจนะไม่ใช่ของตกแต่ง ไม่ใช่ของตั้งบนหิ้งไว้กันฝุ่น และไม่ใช่ทางแก้ยามคับขันเท่านั้น แต่เป็นฐานรากของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ถ้าพื้นห้องแตกร้าวก็ซ่อมไม่ได้ด้วยการซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ชีวิตก็เช่นกัน ถ้าพระวจนะไม่อยู่ใต้เท้า ก้าวไปทางไหนก็ล้มง่ายทั้งนั้น ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณในยุคใดก็ตามต้องเริ่มตรงจุดเดียวกับเอสรา—ฟังให้ลึก ทำให้จริง แล้วสอนอย่างสัตย์ซื่อ ความมั่นคงของประชาชนเริ่มที่ความมั่นคงของผู้นำ และความมั่นคงของผู้นำเริ่มที่พระวจนะ
ข้อคิดประจำวัน:
“อย่าให้พระวจนะกลายเป็นเข็มฉีดยาเวลาจำเป็นเท่านั้น แต่ให้เป็นลมหายใจที่หล่อเลี้ยงทุกวัน”
ใครกลับหาพระวจนะก่อน ชีวิตคนนั้นก็กลับเข้าที่ก่อนเสมอ และนั่นคือสิ่งที่เอสราทำให้เราเห็นอย่างหมดจดจนวันนี้ยังไม่มีใครแทนที่ได้