ตอนที่ 7 – เศคาริยาห์และเอลีซาเบธ : ปุโรหิตแห่งความหวัง
เนื้อหา: คู่ปุโรหิตที่สัตย์ซื่อและได้รับพระพรเป็นบิดามารดาของยอห์นผู้ให้บัพติศมา (ลูกา 1)
แนวคิดหลัก: ความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าจะเปิดประตูสู่การสำแดงใหม่
ท่ามกลางบรรยากาศศาสนพิธีในพระวิหาร ที่ธูปกำลังลอยขึ้นเป็นสายเหมือนคำอธิษฐานที่ยังรอคำตอบ โลกของอิสราเอลในยุคนั้นเงียบงันมานานหลายร้อยปี ไม่มีผู้เผยพระวจนะ ไม่มีถ้อยคำใหม่จากพระเจ้า—เหมือนฟ้าที่ปิดสนิทยาวนานเกินกว่าจะหวังอะไรได้อีก แต่ตรงจุดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าพระเจ้า “นิ่งเงียบ” นั่นแหละ คือที่ซึ่งพระองค์กำลังเตรียมบทใหม่ของประวัติศาสตร์ไถ่กู้
เศคาริยาห์ ปุโรหิตผู้สูงวัย กับเอลีซาเบธ ภรรยาผู้ชอบธรรม ทั้งคู่เป็นสายปุโรหิตตระกูลอาโรน—เรียกได้ว่าเป็น “คู่บุญของพระวิหาร” แต่ในบ้านกลับมีความเงียบงันอย่างหนึ่งที่หนักหนากว่าความเงียบของยุค—คือไม่มีเสียงเด็ก ไม่มีผู้สืบสกุล ผู้คนอาจมองด้วยสายตาแบบโบราณว่า “คงมีบาปอะไรซ่อนอยู่” แต่พระคัมภีร์ (ลูกา 1) กลับยืนยันเสียงดังว่า ทั้งสอง “ดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติตามพระบัญญัติของพระเจ้า” แน่นอน นี่คือคำตบหน้าความคิดความเชื่อแบบสังคมสมัยนั้นอย่างแสบๆ คันๆ
วันหนึ่งเมื่อถึงเวรปรนนิบัติพระวิหาร เศคาริยาห์ได้ทำหน้าที่เผาเครื่องหอม—งานที่ปุโรหิตทั้งชีวิตอาจได้ทำเพียงครั้งเดียว เหมือนพระเจ้าจงใจเลือก “เวลาอันเหมาะตรงเป๊ะ” พอเขายืนอยู่ลำพังในห้องศักดิ์สิทธิ์ ทูตสวรรค์กาเบรียลก็โผล่มาทักแบบไม่ให้เตรียมตัวเตรียมใจก่อน (ตามสไตล์ทูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ที่ชอบทำคนตกใจเสมอ) และประกาศข่าวที่ไม่มีใครคาด—เอลีซาเบธจะมีบุตร ผู้ที่จะเป็น “ยอห์น” คนที่จะเตรียมทางให้พระเมสสิยาห์
เศคาริยาห์ซึ่งมีอายุเกินวัยพ่อและผ่านชีวิตแบบใช้เหตุผลมานาน ก็เผลอถามแบบมนุษย์จริงๆ ว่า “จะเป็นไปได้ยังไงกัน?” ทูตสวรรค์ตอบกลับอย่างนุ่มนวลแต่พอแรงว่า “เราเป็นกาเบรียลนะ” จากนั้นเศคาริยาห์ก็ถูกทำให้พูดไม่ได้—ไม่ใช่เพราะพระเจ้าลงโทษ แต่เพื่อให้เขา “ฟัง” ก่อนจะ “พูด” งานใหญ่มักเริ่มจากการให้มนุษย์หยุดพูดและหันมารับฟังพระวจนะ
ด้านเอลีซาเบธ เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ในวัยที่ผู้หญิงทั้งชุมชนคงเก็บเสื้อคลุมท้องไปนานแล้ว เธอกลับดีใจอย่างสงบ เรียกมันว่า “พระเจ้าได้ทรงมองเห็นความอัปยศของข้าพเจ้าและยกมันออกไป” เธอไม่ได้มีความเชื่อเสียงดัง แต่เป็นความเชื่อที่ซึมลึกและยาวนาน เหมือนต้นไม้แก่ที่ยืนหยัดท่ามกลางลมทุกลูก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่แสดงให้เห็นแบบเก่าแก่ตามธรรมเนียมอิสราเอลว่า—พระเจ้าทรงทำงานผ่านผู้สัตย์ซื่อเสมอ แม้โลกจะคิดว่าเขา “หมดเวลา” พระเจ้าเรียกเขาให้เริ่มบทใหม่ พระพรไม่ได้มาช้าเกินไป แต่มาตามกำหนดของพระองค์พอดี
และเมื่อวันที่ยอห์นถือกำเนิด เศคาริยาห์ที่เคยเงียบมาหลายเดือนก็เปิดปากกล่าวคำพยากรณ์ด้วยไฟแห่งความจริง—ประกาศว่าพระเจ้ากำลังเริ่มงานไถ่กู้อย่างยิ่งใหญ่ บุตรของเขาจะเป็นผู้เตรียมทางให้พระผู้มาเยือน “จากเบื้องบน”
เรื่องของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธสอนอย่างเรียบง่ายแต่คมชัดว่า ความสัตย์ซื่อไม่ใช่การรอคอยแบบหมดหวัง แต่เป็นการยืนหยัดในพระประสงค์แม้ไม่เห็นอะไรเลย—และเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะเปิดประตูสู่การสำแดงใหม่ที่ใหญ่เกินกว่าความฝันของมนุษย์ทุกคน
ข้อคิดสั้นๆ สำหรับวันนี้: “จงสัตย์ซื่อแม้ในความเงียบ เพราะพระเจ้ากำลังเตรียมคำตอบที่เหมาะสมที่สุดให้คุณเสมอ.”
นี่แหละ คู่ปุโรหิตแห่งความหวัง—ผู้ที่การดำเนินชีวิตเงียบๆ ของพวกเขา กลับกลายเป็นประตูเปิดสู่การมาของพระเมสสิยาห์นั่นเอง