ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใช้ชีวิตคริสเตียนได้คุ้มจริงๆ ที่ตรัง

ต้องบอกว่าไปตรังครั้งนี้คุ้มจริงๆ เพราะได้แบ่งปันพระคัมภีร์ให้พี่น้ิองในหลายคริสตจักรและโรงเรียนถึง 4 วันเต็มๆ ข้อมูลและเนื้อหาพระคัมภีร์ที่เคยสะสมมาได้ใช้เต็มที่ในครั้งนี้

กลับมากรุงเทพฯ ด้วยความสบายใจ แม้จะไม่ได้เที่ยวทะเลตรังเลย แต่ก็หวังว่าคราวหน้าคงได้ไปตรังอีก

เดินขึ้นเครื่องบินที่ตรัง 

วิวเมืองตรัง 

ถึงกรุงเทพฯ ตอน 11 โมงเช้า 

วิวถนนพหลโยธินตรงตลาดไท 

ผมกับน้องปาม ผู้มีความเชื่อว่าจะเกิดการสัมมนาที่ตรัง
และเป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
ขอขอบคุณด้วยใจจริงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สอน "วิวรณ์" ครั้งแรกที่ตรัง

วันที่ 30 สิงหาคม ผมยังอยู่ที่ตรัง พี่น้องเรียกร้องที่อยากจะเรียนพระคัมภีร์ต่อ จึงจัดพิเศษขึ้น และคาดว่าจะมีพี่น้องเข้าร่วมประมาณ 10 กว่าคน (ยังมักน้อย) แต่เมื่อเริ่มบรรยายก็มีคนทยอยเข้ามาจากหลายจังหวัด บางคนถึงกับลางานมาเรียนพระคัมภีร์ในครั้งนี้ และมาไกลจากคลองท่อม จ.กระบี่ จนมีคนเข้าร่วมประชุมเต็มห้องเหมือนเดิม

สรรเสริญขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่คนที่นั่นรักการเรียนพระคัมภีร์

อาคารคริสตจักรตรังที่กลายเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัด 

แต่เราเรียนพระคัมภีร์ที่อาคารนี้ครับ 

พี่น้องยังมาเต็มห้องเหมือนเดิม 

มีบางคน ลางานมา เพื่อมาเรียนพระคัมภีร์
ผมเองได้ยินถึงกับน้ำตาไหล 

ช่วงเที่ยงพักทานอาหาร เลยมีเวลามาถ่ายภาพที่โบสถ์เก่าแก่บ้าง 

เก็กหล่อถ่ายภาพหน้าโบสถ์ 

เราใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหา บรรยายอีก 2 คริสตจักรที่ตรัง

ช่วงเช้าผมไปบรรยายที่คริสตจักรโคกสะบ้า ส่วนตอนบ่ายไปที่คริสตจักรธารพระพร

ฝนตกแต่เช้าที่คริสตจักรโคกสะบ้า 

บรรยายเรื่องการเสด็จกลับมาแบบย่อ 

 ที่ธารพระพรฟังเรื่องคำพยากรณ์ของพระเยซูเรื่องยุคเก่า-ยุคใหม่

พี่น้องตามมาฟังจากเมื่อวันเสาร์จนเต็มโบสถ์

บรรยายเรื่อง "การเสด็จกลับมา" ที่ตรัง

วันที่ 27 สิงหาคม น้องปามเป็นคนที่ตรังโดยกำเนิด มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะให้พี่น้องที่นั่นได้พระพรจากข้อพระคัมภีร์และบทเรียนจึงคิดจัดงานสัมมนานี้ขึ้นมา ซึ่งผมเองไม่มีปัญหา แต่อุปสรรคก็คือ ที่นั่นไม่มีใครรู้จักผม พระเจ้าจึงส่งอาจารย์ปราชญา เพื่อนอาจารย์จากขอนแก่นไปเทศน์ที่นั่นพอดีในวันที่ 5 สิงหาล่วงหน้าหลายวัน และได้ประชาสัมพันธ์งานสัมมนาดังกล่าว

จากที่หวังว่าจะมีคนมาสัมมนาแค่ 10-20 คน ก็มีคนมาฟังกว่า 100 คน ขอบคุณพระเจ้า

ห้องประชุมที่คริสตจักรตรัง 

พี่น้องมาจากหลายจังหวัดในภาคใต้ เพราะการบอกต่อ 

พี่น้องท่านนี้เดินทางมาจากยะลาเพื่อเข้าร่วมสัมมนา
และยังเป็นแฟนหนังสือ "ปี 2000 ไม่ใช่วันสิ้นโลก" 


หนังสือเล่มนี้ กล่าวถึงหนังสือ ปฐมกาล และวิวรณ์

มีเด็กมานั่งฟังด้วย 

เนื้อหาเข้มข้น 10 โมงเช้าถึง 6 โมงครึ่งตอนเย็น 

ยุคพันปีคือไฮไลท์ของการสัมมนาครั้งนี้
เพราะการเสด็จกลับมาของพระเยซูก็คือ
การมาครองโลกเป็นเวลาพันปี 

พี่น้องร่วมสัมมนาแบบไม่ถอยจนกระทั่งเย็น
ขอบพระคุณพระเจ้า

ภารกิจหาดใหญ่

เมื่อวันที่ 25-26 สิงหาคม ผมมีโปรแกรมต้องไปหาดใหญ่เพื่อไปบรรยายให้กับกลุ่มเกษตรกรฟังเรื่อง "ปัญหาภาวะโลกร้อน และผลกระทบต่อเมืองไทย" แต่ความไม่พร้อมของผู้จัดจึงเลื่อนไป แต่ผมเลื่อนไม่ได้จึงขอผู้จัดนั่งเครื่องบินที่เขาจองไว้ให้และพักที่หาดใหญ่ 1 คืน ก่อนจะมาจังหวัดตรัง ตามโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้ คือการสัมมนาพระคัมภีร์ "การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์"

ไปนกแอร์ครับ ขึ้นที่ดอนเมือง

มองเห็นวัดพระศรีมหาธาตุ 

ไปคุยกับครูที่โรงเรียน มอว. เรื่องการกำจัดขยะอินทรีย์
เพื่อน้ำหมักชีวภาพด้วย BeztDM 

 ไปเอาเปลือกผลไม้มาหมัก

ไปดูพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่บ่อบำบัดด้วย
ที่นี่ปลูกต้นไม้ไม่ไก้มากว่า 10 ปีแล้ว
เพราะดินไม่มีธาตุอาหาร 

แวะเยี่ยมนางเงือกที่หาดสมิหลาช่วงกลางวัน 

 ช่วงบ่ายเดินทางไปตรังด้วยรถตู้โดยสาร

เป็นรถตู้ขนาด 25 ที่นั่ง 

ออกจากหาดใหญ่บ่าย 3 กว่าๆ มาถึงตรัง เกือบ 6 โมงเย็น
นานมากๆ เพราะฝนตกตลอดทาง

หลงมาลงที่หอนาฬิกา แล้วน้องปามก็มารับ 

คืนแรกที่ตรัง ได้แบ่งปันที่โบสถ์เก่าแก่ของตรังเลย
ประมาณครึ่งชั่วโมง

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เส้นทางสู่กางเขน Via Dolorosa

          เส้นทางสู่กางเขนของพระเยซูคริสต์ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกสรรสร้างขึ้นเพื่อการแสวงบุญของชาวคาทอลิก แม้แต่อุโมงค์ฝังพระศพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการค้นหาความจริงมากขึ้น สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นตำนานความเชื่อที่ผู้คนยังคงหลั่งไหลไปเยี่ยมเยียน

เยรีโค เมืองประวัติศาสตร์พระคัมภีร์



           ในพระคัมภีร์เดิม พระธรรมโยชูวาบทที่ 6 ได้กล่าวถึงเรื่องราวของชนชาติอิสราเอลที่ได้พิชิตกำแพงเมืองเยรีโค เมื่อพวกเขาได้เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา หลังจากการเดินวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร 40 ปี พระคัมภีร์กล่าวว่า หลังจากที่อิสราเอลเดินรอบเมืองเยรีโควันละรอบใน 6 วันแรก และเดิน 7 รอบในวันที่ 7 ปุโรหิตได้เป่าเขาแกะ ประชาชนโห่ร้อง และกำแพงเมืองเยรีโคก็พังราบลง

           จากการขุดพบ เมืองเยรีโค เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพง 2 ชั้น ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินดิน ซึ่งมีกำแพงหินกั้นอยู่ที่ส่วนฐานของกำแพงชั้นนอก กำแพงหินนี้มีความสูง 4-5 เมตร ที่ส่วนบนของกำแพงหินถูกต่อเติมด้วยกำแพงอิฐที่มีความหนา 2 เมตร สูง 6 – 8 เมตร ส่วนกำแพงชั้นในตั้งอยู่บนเนินดินที่มีความสูง 14 เมตรจากระดับพื้นปกติ ซึ่งสูงมากสำหรับชนชาติอิสราเอลที่จะปีนขึ้นไปเพื่อทำสงคราม

           ประชาชนของเมืองเยรีโคได้เตรียมการสำหรับการถูกล้อม ขณะที่เมืองถูกโจมตีนั้นเป็นช่วงของฤดูเกี่ยวข้าว ในเมืองจึงเต็มไปด้วยอาหารที่พร้อมสำหรับการถูกล้อมได้หลายปี มีการขุดพบไหบรรจุเมล็ดพืชมากมายในเมืองเยรีโค เมล็ดพืชเป็นสิ่งที่มีค่ามากในยุคนั้น เพราะไม่เพียงแต่เป็นอาหารเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนได้อีกด้วย โดยปกติหากมีการตีเมือง เมล็ดพืชจะถูกชิงไปโดยผู้ชนะ แต่ที่เมืองเยรีโคกลับมีเหลืออยู่มากมาย เพราะพระเจ้าสั่งอิสราเอลไม่ให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากเงิน ทอง และเครื่องใช้ที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์และเหล็ก 

          หลังจากที่อิสราเอลเดินครบ 7 รอบ พระคัมภีร์กล่าวว่า กำแพงเมืองก็พังราบลง จากการขุดค้นพบว่าส่วนของกำแพงที่เป็นอิฐพังราบลงมาด้านนอกของกำแพงหินกลายเป็นทางขึ้นให้กับอิสราเอลที่จะเข้าไปในเมือง กำแพงอิฐทุกด้านของเมืองเยรีโคพังราบลงหมด ยกเว้นส่วนหนึ่งของกำแพงด้านเหนือซึ่งจากการขุดค้นพบว่ามีบ้านที่ติดอยู่กับกำแพงส่วนนั้น ซึ่งตรงกับข้อมูลในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงราหับ หญิงโสเภณีที่ช่วยเหลือผู้สอดแนมของอิสราเอลโดยซ่อนไว้ในบ้านของนางที่ติดอยู่กับกำแพงเพื่อช่วยให้พ้นจากคนที่ตามล่า ผู้สอดแนมบอกกับนางราหับว่าให้นางกับครัวเรือนของนางหลบเข้าไปในบ้านติดด้ายสีแดงไว้เพื่อความปลอดภัยขณะที่อิสราเอลโจมตีเมืองเยรีโค   เนื่องจากบ้านอยู่ติดกับกำแพง จึงเป็นการง่ายสำหรับผู้สอดแนมที่จะหลบหนีออกจากเมือง นอกจากนั้นห่างจากจุดที่กำแพงด้านเหนือไม่มากนักก็มีเนินเขาของถิ่นทุรกันดารยูเดีย ซึ่งง่ายต่อผู้สอดแนมที่จะหลบซ่อนได้เป็นเวลาสามวัน

          พระคัมภีร์ยังได้กล่าวอีกว่า อิสราเอลได้เผาทุกอย่างที่อยู่ในเมืองเยรีโค นักโบราณคดีพบว่ากำแพงและพื้นมีสีดำและแดงซึ่งเป็นร่องรอยของการถูกเผาด้วยไฟ และทุกพื้นที่เต็มไปด้วยซากของอิฐที่พังทลายและเครื่องใช้ในครัวเรือน มีการเผาไหม้อย่างรุนแรงและกำแพงเมืองพังทลายลงก่อนมีการเผาไหม้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่การขุดพบทางโบราณคดีสนับสนุนความจริงแท้ของพระคริสตธรรมคัมภีร์

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เรียน "วิวรณ์" แบบเห็นภาพ

เรียน "วิวรณ์" แบบเห็นภาพ โดยการศึกษาพระคัมภีร์ผ่านโปรแกรม Powerpoint ซึ่งทางเราได้จัดทำขึ้นมา โดยการบรรยายพระคัมภีร์ "วิวรณ์" ทุกบททุกข้อ ตั้งแต่บทที่ 1 ถึง 22 ให้มีภาพประกอบทั้งหมด จึงง่ายแก่การเรียนรู้และเข้าใจ ผู้สนใจจะเรียนรู้่โดยส่วนตัวหรือต้องการเผยแพร่ในการเรียนการสอนรวีวารศึกษา โรงเรียนพระคริสตธรรม คริสตจักร เซลกรุ๊ป กลุ่มแคร์ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ที่ ตรัง ได้รับการอบรมเป็นครั้งแรกแล้วครับ

ภาพและเนือหามาจากพระธรรมวิวรณ์ถึง 466 หน้า 

ตัวอย่างบางส่วน ของพระธรรม "วิวรณ์"

วิวรณ์ 4:5 

วิวรณ์ 6:17 

ภาพประกอบบางภาพทำให้เราเข้าใจพระคัมภีร์มากขึ้น 

เรื่องทูตสวรรค์ ปรากฏในพระธรรมวิวรณ์นี้เกือบทั้งเล่ม

บางภาพท่านอาจไม่เคยเห็นมาก่อน 

เห็นภาพนี้แล้วเข้าใจเนื้อหามากขึ้น 

ในบทสุดท้ายจะเห็นภาพแห่งความหวังชัดเจนมากขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อรัมภบทว่าด้วยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์

เอามาลงให้ดูเพื่อเตรียมตัวสู่การสัมมนาในวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมนี้ที่ตรัง

การเสด็จกลับมาของพระคริสต์
คือพระสัญญาสำคัญของพระองค์ 

ภูเขามะกอกเทศเป็นที่ซึ่งพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
อยู่ทางทิศตะวันออกของเยรูซาเล็ม 

 คำสั่งสุดท้ายที่พระองค์หวังว่าสาวกของพระองค์จะทำสำเร็จ

พระองค์จะมาอีกทีเหมือนที่พระองค์เสด็จขึ้นไป 

ถ้อยคำที่สาวกยุคแรกปลอบใจกัน
นั่นคือการเสด็จกลับมา

สาวกของพระองค์ออกไปประกาศทุกทิศทาง 

ประตูเมืองทั้ง 12 ประตูเป็นช่องทางการประกาศ 
เหมือนการเคลื่อนของช่วงเวลา 1 รอบ

แผนที่โลกกับรัศมีการประกาศไปทั่วโลก 

โซนตะวันออกกับประตูตะวันออก
โซนนี้ประเทศไทย  อยู่ในโซนนี้พอดี
และเชื่อว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จจากทิศตะวันออก
ผ่านโซนนี้

พระคำที่บ่งบอกถึงการเสด็จมาของพระองค์ 

ประตูตะวัีนออกหรือประตูทองคำ
คือประตูที่พระองค์จะเสด็จเข้าไปอีกครั้ง 

ในอดีตพระองค์เคยเสด็จเข้าประตูนี้อย่างผู้พิชิต
ปัจจุบันประตูนี้ปิดตาย 

เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา ประตูนี้จะเปิดออก
และสันติสุขจะกลับมา กลายเป็นยุคแห่งสันติสุข
ยุคพันปี