“คนเลี้ยงแกะ — ผู้เฝ้ายามกลางคืนที่ได้รับข่าวประเสริฐก่อนใคร”
พระธรรมหลัก : ลูกา 2:8–20
แนวคิดหลัก : พวกเขาเป็นคนชนชั้นล่างสุดของสังคมยิว แต่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นพยานแรกแห่งการเสด็จมา ข่าวประเสริฐเริ่มต้นในทุ่งหญ้า ไม่ใช่ในราชวัง
ประยุกต์ใช้ : พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ต่อผู้ที่มีใจถ่อม
ข่าวดีสำหรับผู้เล็กน้อยเสมอ
การเฝ้าระวังและตอบสนองต่อเสียงเรียกของพระเจ้าอย่างฉับไว
คนเลี้ยงแกะ — ผู้เฝ้ายามกลางคืนที่ได้รับข่าวประเสริฐก่อนใครลูกา บทที่ 2 ข้อ 8-20
ในค่ำคืนอันเงียบสงบกลางทุ่งหญ้า ใกล้เมืองเบธเลเฮม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำหน้าที่เฝ้ายาม พวกเขาไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่ผู้นำศาสนา และไม่ใช่ชนชั้นสูงของสังคม แต่คือคนเลี้ยงแกะ ผู้ซึ่งถูกมองว่าอยู่ต่ำสุด ในสังคมยิว งานของพวกเขาถูกมองว่าสกปรก หยาบคาย และมักถูกกีดกัน จากชีวิตศาสนาในพระวิหาร แต่ในคืนนั้นเอง พระเจ้าทรงเลือกพวกเขา ให้เป็นผู้รับข่าวประเสริฐก่อนใคร
ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะ พร้อมประกาศข่าวยิ่งใหญ่ คือการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด ข่าวนี้ไม่ได้เริ่มต้นในพระราชวัง ไม่ได้ประกาศในพระวิหาร หรือในเมืองหลวงทางศาสนา แต่เริ่มต้นในทุ่งหญ้า ท่ามกลางคนธรรมดา ที่โลกไม่เห็นค่า นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการสำแดงพระลักษณะของพระเจ้า อย่างชัดเจน พระองค์ทรงเข้าหาผู้ถ่อมใจ และทรงยกผู้เล็กน้อยขึ้นเสมอ
สิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนี้ ไม่ใช่เพียงว่าใครเป็นผู้รับข่าว แต่คือท่าทีของคนเลี้ยงแกะ พวกเขาไม่โต้แย้ง ไม่ลังเล และไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อได้ยินข่าวนั้น พวกเขากล่าวว่า ให้เราไปยังเบธเลเฮม และรีบไปทันที การเฝ้ายามกลางคืน ทำให้พวกเขาตื่นตัว พร้อมฟัง และพร้อมตอบสนอง คนที่เฝ้าระวังอยู่แล้ว จึงได้ยินเสียงจากสวรรค์อย่างชัดเจน
เมื่อคนเลี้ยงแกะได้เห็นพระกุมารนอนอยู่ในรางหญ้า พวกเขากลายเป็นพยาน พวกเขาเล่าเรื่องที่ได้ยินและได้เห็นแก่ผู้อื่น และคนทั้งหลายประหลาดใจ ในถ้อยคำของพวกเขา จากคนที่สังคมไม่รับฟัง กลับกลายเป็นผู้ประกาศ ข่าวแห่งความหวัง และเมื่อพวกเขากลับไปยังทุ่งหญ้า ชีวิตภายนอกอาจเหมือนเดิม แต่หัวใจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขากลับไปด้วยใจที่สรรเสริญ และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
เรื่องราวของคนเลี้ยงแกะสอนเราว่า พระเจ้ามักตรัสในยามที่โลกเงียบ และกับผู้ที่โลกไม่ฟัง พระองค์ไม่ได้มองที่ตำแหน่ง ฐานะ หรือความสำคัญในสายตามนุษย์ แต่ทรงมองที่ใจที่ถ่อมและตื่นอยู่ ข่าวประเสริฐของพระองค์ จึงเป็นข่าวดีสำหรับผู้เล็กน้อยเสมอ
สำหรับเราวันนี้ เราอาจไม่ได้ยืนอยู่ในที่สูง หรือมีบทบาทสำคัญในสายตาโลก แต่หากเราดำเนินชีวิตด้วยใจถ่อม เฝ้าระวัง และไวต่อเสียงของพระเจ้า พระองค์ก็ยังทรงเลือกเราให้เป็นพยานแห่งการทรงงานของพระองค์ได้ เมื่อพระเจ้าตรัส อย่าชะลอเหมือนผู้ลังเล แต่จงตอบสนองอย่างฉับไวเหมือนคนเลี้ยงแกะ และกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยหัวใจที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะข่าวประเสริฐอันยิ่งใหญ่ มักเริ่มต้นในคืนธรรมดา และในชีวิตธรรมดาของผู้ที่เชื่อฟังเสมอ
























