ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ถามมาตอบไป ยอห์น 3:5 และ 1 ยอห์น 5:6-8 เรื่อง "น้ำ" คืออะไรในทั้ง 2 บทนี้?

ตอบ ในยน. 3:5 ​บรรยายว่า ...พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด​ไม่ได้​บังเกิด​ใหม่​จาก​น้ำ​และ​พระ​วิญญาณ ผู้​นั้น​จะ​เข้า​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่ได้​...

และใน 1 ยน. 5:6-8 นี่​แหละ​คือ​ผู้​ที่​ได้มา​โดย​น้ำ​และ​พระ​โลหิต คือ​พระ​เยซู​คริสต์​ ไม่ใช่​ด้วย​น้ำ​สิ่ง​เดียว แต่​ด้วย​น้ำ​และ​พระ​โลหิต และ​พระ​วิญญาณ​ทรง​เป็น​พยาน​เพราะ​พระ​วิญญาณ​ทรง​เป็น​ความ​จริง​ มี​พยาน​อยู่​สาม​ประการ​ด้วย​กัน​  คือ​พระ​วิญญาณ น้ำ และ​พระ​โลหิต และ​พยาน​ทั้ง​สาม​นี้​สอดคล้อง​กัน​

ทั้ง 2 บทนี้ กล่าวถึง "น้ำ" เหมือนกัน ขออธิบายตามบริบทว่า ในหนังสือยอห์น พระเยซูกำลังกล่าวถึงการบัพติศมาในน้ำของยอห์นผู้ให้บัพติศมาในแม่น้ำจอร์แดน แม้แต่พระเยซูเองก็เคยรับ ซึ่งต่อมาการรับ "บัพติศมาในน้ำ" จึงเป็นดังสัญลักษณ์ของการกลับใจใหม่ และสาวกของพระเยซูก็ทำเช่นเดียวกับยอห์น พระเยซูได้อธิบายเรื่องนี้แก่ "นิโคเดมัส" เรื่องการบังเกิดใหม่

ในแง่กายภาพ ตอนมนุษย์เราเกิดใหม่ก็อยู่ในท้องของมารดา ก็ยังอยู่ใน "น้ำคร่ำ" ซึ่งอาจทำให้ตีความแบบนี้ก็ได้

ส่วนการบังเกิด​จาก​พระวิญญาณ​หมายถึง​การ​เกิด​ฝ่าย​วิญญาณ ​เป็น​การ​เปลี่ยนแปลง​ใหม่​โดย​อำนาจ​ของ​พระเจ้า​ใน​ชีวิต​ของ​ผู้​เชื่อ​

ใน 1 ยน. 5:6-8  ​“​น้ำ​” ​อาจ​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​การ​รับ​บัพ​ติศ​มา​ของ​พระ​เยซู ​ขณะ​พระ​เยซู​ทรง​เริ่ม​พระ​ราช​กิจ ​“​พระ​โลหิต​” ​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​การ​สิ้น​พระชนม์​ของ​พระ​เยซู ​(​พระ​ราช​กิจ​ของ​พระองค์​สำเร็จ​) ​ส่วน ​“​พระ​วิญญาณ​” ​นั้น​เป็น​ผู้​ที่​สอน​ให้​เรา​รู้​ถึง​ความ​จริง​เรื่อง​พระ​เยซู​คริสต์ ​สาเหตุ​ที่​ผู้เขียน​เน้น​เรื่อง ​“​พระ​โลหิต​” ​เพราะ​ต้องการ​คัดค้าน​คำ​สอน​เท็จ​ที่ว่า ​“​พระ​เยซู​ผู้​ทรง​ถูก​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน​ไม่ใช่​พระ​เจ้า​” ​

อธิบายเพิ่มเติมเรื่อง "น้ำ"
ในยุคปฐมกาล แผ่นดินถูกสาปหลังจากอาดัมทำบาป สัตว์พลอยโดนไปด้วย มีแต่ "น้ำ" ที่ไม่โดน รวมถึงสัตว์น้ำ

พระเจ้าใช้ "น้ำ" ล้างโลกครั้งหนึ่ง เพื่อชำระบาปของมนุษย์ในสมัยโนอาห์

น้ำท่วมโลกครั้งแรก

"เอลีชา" แนะนำให้ผู้​บัญชาการ​กองทัพ​ของ​พระ​ราชา​ประเทศ​ซีเรียนามว่า "นาอามาน" ไปล้างโรคเรื้อน ที่แม่น้ำจอร์แดนถึง 7 ครั้ง เขาก็หายสะอาดดี

นาอามานมีผิวพรรณสะอาดเหมือนเด็ก เมื่อจุ่มในแม่น้ำถึง 7 ครั้ง

"ยอห์น" ก็ใช้วิธีนี้กับผู้คนที่ต้องการกลับใจใหม่ที่ "แม่น้ำจอร์แดน" บัพ​ติศ​มา ​พิธี​ที่​ใช้​น้ำ​เป็น​สัญลักษณ์​เล็ง​ถึง​การ​ที่​พระเจ้า​ทรง​ให้​อภัย​คน​บาป

แม้แต่พระเยซูเองก็ยังรับพัพติศมาในแม่น้ำจอร์แดนด้วย

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เจาะโลกอดีต "เอเฟซัส"

มาแล้วครับ ข้อมูลหนังสือ "เอเฟซัส" ละเอียดทุกแง่มุมของประวัติศาสตร์ ลึกทุกเนื้อหา เจาะทุกบท ค้นทุกข้อ นับเป็นจดหมายฝากที่สำคัญยิ่งของ "เปาโล" จนทำให้ถูกบรรจุให้กลายเป็น "พระคัมภีร์ใหม่"


ความยาว 5 ชม. 10 นาที 42 วินาที มี DVD 4 แผ่น

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วลีคาใจ "อย่าขาดการประชุม" จากฮีบรู บทที่ 10 หมายความว่ายังไงกันแน่?

มีคนถามผมเรื่องนี้หลายคน และยังเป็นประเด็นต่อเนื่องยาวนาน การตึความมักจะตีเข้าสู่ยุคปัจจุบัน แต่ในบริบทของ "ฮีบรู บทที่ 10" กล่าวถึงการเตรียมตัวรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระคริสต์ "...แต่จงตักเตือนกัน จงกระทำเช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น...วันนั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว" (ข้อ 25)

ถ้าที่ประชุมที่ว่า ไม่เคยสอนหรือรอคอย "การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระคริสต์" การประชุมนั้นจะ "ใช่" ตามที่หนังสือฮีบรูเอ่ยถึงหรือไม่?

การขาดการประชุมในที่นี้ หมายถึงการไปพระวิหารของชาวยิวปีละ 1 ครั้ง แต่ใน "ฮีบรู" หมายถึง การเข้าเฝ้าพระคริสต์ "...โดยทางใหม่ที่ให้ชีวิตซึ่งพระองค์ทรงเปิดไว้ให้เราผ่านทะลุม่านเข้าไป..." (ข้อ 20)

การตีความเป็นการประชุมในคริสตจักร จึงเป็นการตีความแบบกว้างๆ ที่สำคัญคือการมีความสัมพันธ์กับพระคริสต์ (หรือพี่น้องในพระคริสต์) มากกว่า (ลองพิจารณากันดูนะครับ)

ในแง่ "สมาชิก" การถูกเรียกร้องเช่นนั้นถือว่าพึงควร แต่ในแง่ของ "สาวก" ถือว่าเป็นด้วยใจสมัคร การเตือนในฮีบรู เป็นการเตือนว่าอย่ากลับไปกลับมา โลเล ในวิถีเก่า (ยิว) ส่วนใหญ่เอาแต่ท่อนแรก ท่อนหลังไม่ค่อยพูด เพราะเวลาของการกลับมาของพระคริสต์ใกล้เข้ามา ทุกที นี่ถ้าเราทำทุกที่ให้เป็นที่ประชุม ก็เท่ากับเรายิ่งเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้นทุกวัน นอกเหนือจากวันอาทิตย์ที่หลายคนยึดติดเอาไว้

ฝั่งซ้ายของคาทอลิก ฝั่งขวาฉบับฟื้นฟู

ตาทอลิกแปลแบบนี้

เล็งถึงการกลับมาอีกครั้ง

ฉบับฟื้นฟู


ตีความตรงไปตรงมาตามบริบท ไม่เกี่ยวกับการประชุมในยุคปัจุบัน

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิหาร "อาร์เทมิส" แห่ง "เอเฟซัส"

หากจะเรียนรู้เรื่อง "เอเฟซัส" แล้วไม่รู้เรื่องของเทพี "อาร์เทมิส" เลย ก็จะไม่สามารถเข้าถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในจดหมายฝาก "เอเฟซัส" ที่วิหารแห่งนี้มี "เทวทาสี" หรือ "หญิงผู้ทำกามพลี" ประจำวิหารอยู่ด้วย เป็นเหตุให้เปาโลต้องตักเตือนสามีให้คิดถึงภรรยาของตน ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมของชาวเอเฟซัสที่ต้องทำพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์แบบนี้

Cult Prostitute คือวิธีการของคนยุคโบราณที่ใช้การล่วงประเวณีเป็นสัญลักษณ์ของการบูชาความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง มีหลากหลายอาณาจักร โดยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยสุเมเรียน หรือบาบิโลเนียเลยทีเดียว


ธรรมบัญญัติของชาวยิวกล่าวห้ามไว้อย่างชัดเจน

วิหารของอาร์เทมิสอยู่ที่ถนนหน้าเมืองเอเฟซัส

ใหญ่กว่าวิหารเพนทานอนถึง 4 เท่า

เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าได้เตือนคนของพระองค์ให้ระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความหมายของยุทธภัณฑ์ (เอเฟซัส บทที่ 6) มาจากชุดของ "กลาดิเอเตอร์"


Gladiator คือนักสู้กลาดิเอเตอร์จะถูกแบ่งเป็น 10 ระดับ โดยนักสู้ระดับสูงสุดจะได้รับเงินจากการต่อสู้ครั้งเดียวเป็นเงินมากกว่า 15 เท่าของรายได้ทั้งปีของทหารราบ ขณะที่นักสู้ในสังเวียนมีมากกว่า 12 ประเภท

หนึ่งในนักสู้ที่ผ่านสังเวียนแห่งนี้มามากมาย ชื่อของ "เวรัส" กลับเป็นนักสู้เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

"เวรัส" เกิดมาเป็นเสรีชน แต่เขาถูกจับในปี ค.ศ. 76 ที่ชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรม เขาถูกนำตัวกลับมายังอิตาลีและถูกบังคับให้เป็นทาส "เวรัส" ทำงานอยู่ในเหมืองหนึ่งปีก่อนจะฉวยโอกาสหนีจากการงานอันตรากตรำของทาสในเหมืองหิน และถูกนำไปเป็นนักสู้ฝึกหัด


เขาเข้ารับการฝึกเพื่อจะเรียนรู้เทคนิคอันซับซ้อน และต้องใช้ฝีมืออย่างสูงของนักสู้กลาดิเอเตอร์ "เวรัส" หล่อหลอมมิตรภาพกับนักสู้ฝึกหัดคนอื่นๆ และเรียนรู้ว่าชีวิตของกลาดิเอเตอร์นั้นอาจจะโสมม ป่าเถื่อน แต่เขาก็เรียนรู้เช่นกันว่าหากมีโชค ฝีมือและความกล้าหาญสุดหัวใจ นักสู้ในสังเวียนก็สามารถโด่งดัง ร่ำรวย ดึงดูดสตรีมากมายให้มาหลงใหล ในที่สุดเวรัสก็สามารถไต่อันดับขึ้นมาและกลายเป็นนักสู้ในสังเวียนที่โด่งดังจนได้

ซึ่งรวมถึง "มูร์มิลลอส" ที่ถือโล่ขนาดใหญ่และดาบเล่มยาว "ธราเชียน" ซึ่งต่อสู้เหมือนคนกรีก และ "เรทาริอัส" ซึ่งใช้แหและสามง่ามเป็นอาวุธ

แม้ว่านักสู้ในสังเวียนส่วนมากจะเป็นทาส แต่ไม่ใช่ทุกคน เพราะเมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 2 นักสู้กลาดิเอเตอร์มากกว่า 1 ใน 3 เป็นคนที่สมัครใจเข้ามา โดยมีชื่อเสียงและความมั่งคั่งเป็นสิ่งล่อใจ และการต่อสู้ทุกครั้งก็ไม่ได้จบลงด้วยความตายเสมอไป พวกเขามีโอกาสที่ดีที่จะเอาชีวิตรอด และหลายคนก็อำลาสังเวียนไปหลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพนี้

สำหรับคนที่เสียชีวิตพวกนักสู้ในสังเวียนได้ร่วมกันตั้งชมรมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อจ่ายเงินสำหรับการทำศพแก่นักสู้ที่เสียชีวิต พวกเขาเชื่อว่าถ้าไม่มีการทำศพอย่างถูกต้อง ผู้ที่ตายจะถูกสาปให้เร่ร่อนเป็นผีอยู่ในโลกตลอดไป

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีที่เมืองเอเฟซัสด้วย

กลาดิเอเตอร์ เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโรมัน

สิ่งที่เปาโลบรรยายในเอเฟซัส มาจากชุดของ "กลาดิเอเตอร์"

    เปาโลนำเรื่องนี้มายกตัวอย่างในจดหมายฝากเอเฟซัส เพื่อให้คริสเตียนในยุคนั้นมีใจกล้าหาญเหมือนนักสู้กลาดิเอเตอร์ และสิ่งสำคัญของชุดนักสู้ก็คือไม่มีเครื่องป้องกันหลัง ซึ่งต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เพราะเมื่อลงสนามแล้วจะเลิกสู้ไม่ได้ 

    จง​อธิษ​ฐาน​ใน​พระ​วิญ​ญาณ​ทุก​เวลา​โดย​การ​อธิษ​ฐาน​และ​การ​วิง​วอน​ทุกๆ อย่าง เพราะ​เหตุ​นี้​จง​เฝ้า​ระวัง​ด้วย​ความ​เพียร​และ​ด้วย​การ​วิง​วอน​เผื่อ​ธรร​มิก​ชน​ทุก​คน​อยู่​เสมอ (อฟ. 6:18)

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Transcendence 'คอมพ์สมองคนพิฆาตโลก'

Transcendence 'คอมพ์สมองคนพิฆาตโลก ก่อนดูเข้าใจว่าเป็นหนังแนว "แอนตี้ไคร้ส์" คอมพิวเตอร์มีความคิดแบบมนุษย์ อืมคงน่ากลัว ดูหนังตัวอย่างแล้วคงแนวนั้นเลย


 
แต่ เมื่อชมไปเรื่อยๆ ตัวเอกของเรื่องถูกลอบยิง และป่วยจนเกือบตาย สุดท้ายภรรยาและเพื่อนก็ช่วยโหลดความทรงจำของเขาเข้าในระบบคอมพ์จนสำเร็จ

กลุ่มคนที่ต่อต้านเรื่องนี้ก็ตามล่าเขาทุกวิธีทาง จนสุดท้าย FBI ก็ร่วมจัดการด้วย เพราะมองว่าเป็นภัยมากกว่าเป็นเรื่องดี


 
หนัง พยายามให้คนดูรู้สึกว่าตัวภรรยาเห็นแก่ตัว และคิดผิดในการสร้างคอมพ์นี้ขึ้นมา แต่ในระหว่างเรื่องมีการรักษาคนถูกทำร้ายปางตาย รักษาคนขาพิการ รักษาคนตาบอด และรักษาคนมากมาย จนดูเหมือนว่าคอมพ์นี้จะกลายเป็นพระเจ้าแล้วต้องรีบจัดการซะ

ครับ พวกต่อต้านทำสำเร็จ ตอนเกือบจบ ผมถึงเก็ท ว้าว นี่มันเรื่อง "พระเยซู" เลยนะ พวกปุโรหิตกลัวพระเยซู และกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระเจ้า ต้องฆ่าทิ้งซะ

ในเรื่องคอมพ์สมองคนไม่เคยฆ่าใครเลย มีแต่รักษา ส่วนอีกพวก มีแต่ฆ่าทิ้งถ้าดูเป็นอันตราย

สุดท้าย มนุษย์ก็รับผลของการกระทำของตน

Heaven is for Real หนังน่าสนใจ

 

เป็นอีกเรื่องที่เพิ่งดูจบไป ทีแรกเข้าใจว่าเรื่องเดียวกับหนังสือที่เคยมีขายในเมืองไทย "สวรรค์นั้นเป็นจริง (Heaven is so Real)" แต่พอมาดู อ้าวคนละเรื่องกัน

คนละเรื่องกับหนังสือเล่มนี้
ในเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของเด็กชายอายุ 4 ขวบ ต้องผ่าตัดฉุกเฉินและในระหว่างนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองได้ไปยังสวรรค์ ได้นั่งตักพระเยซู และเห็นอะไรๆ อีกมากมาย ซึ่งพ่อของเขาเป็นศิษยาภิบาล หรือนักเทศน์อิสระที่มีงานเป็นนักดับเพลิงอาสาอีกด้วย (อันนี้รำคาญบทแปลมากๆ เพราะเมืองไทยแยกไม่ออกว่าระหว่างนิกายของคริสต์ บาทหลวงคาทอลิกไม่แต่งงานจึงไม่มีลูก แต่ของโปรเตสแตนท์มีเมียมีลูกได้ แปลเป็นบาทหลวงไปหมด) 
 

ดูๆ ไปก็ได้ข้อคิดตรงที่ว่า ที่ไปๆ โบสถ์กันน่ะ เชื่อเรื่อง "สวรรค์" กันจริงๆ ไหม หนังเล่าเรื่องแบบไปเรื่อยๆ ไม่รีบ และทำให้เห็นบรรยากาศของคริสตจักรชนบทในอเมริกาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องพาลูกมาโรงพยาบาล คงไกลมากๆ กว่าจะเข้าเมืองที... ใครสนใจลองหามาชมนะครับ น่าสนใจดี และมีตอนท้ายเรื่องกล่าวถึงภาพวาด "พระเยซู" จากผลงานของเด็กอีกคนด้วยที่ก็ไปสวรรค์เหมือนกัน
 
ผลงานของ Akiane เด็กหญิงที่ได้ไปสวรรค์เหมือนกัน

เธอวาดภาพพระเยซูที่เธอได้พบเห็น

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

14 ขั้นตอนการผลิต DVD ของ sophiaMedia

มีหลายท่านสนใจอยากทราบขั้นตอนการผลิต DVD ของเรา ว่ามีระยะเวลาการทำงานอย่างไร ยุ่งยากแค่ไหน เราเลยนำขั้นตอนคร่าวๆ มานำเสนอให้ทุกท่านที่สนใจทราบวิธีการกันครับ ไม่อยากมาก หากท่านใดสนใจเรียนรู้ขั้นตอนใด ก็สามารถติดต่อทางเรามาได้ที่ sophiamedia.thai@gmail.com ยินดีถ่ายทอดวิชาให้ในราคากันเองครับ (รวมขั้นตอนทั้งหมดประมาณ 40 วัน)