ใน 2 ซามูเอล บทที่ 11 ทั้งบทและบทที่ 12 ตั้งแต่ข้อ 1-25 สรุปได้ความว่ากษัตริย์ดาวิด (กษัตริย์องค์ที่สองของอิสราเอล องค์แรกชื่อ ซาอูล) ไปรับหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์ ชื่อ
“บัทเชบา” มาเข้าเฝ้าพระองค์ และได้สมสู่กับนาง (11:4) จนนางตั้งครรภ์และได้วางแผนกำจัดอุรีอาห์ให้ตายในสนามรบ เพราะอุรีอาห์เป็นทหารของดาวิด แล้วก็รับนางมาเป็นมเหสีของพระองค์ พระเจ้าไม่พอพระทัยการกระทำของดาวิด จึงใช้นาธันไปพบและต่อว่าดาวิด ดาวิดก็เสียพระทัยและกล่าวว่า “เรากระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว” (12:13) พระเจ้าทรงยกโทษให้ แต่เด็กที่เกิดมาต้องสิ้นชีวิต แล้วเด็กนั้นก็ป่วยหนัก ดาวิดอดอาหารขอกับพระเจ้า แต่ในที่สุดเด็กนั้นก็เสียชีวิต
หลังจากนั้นดาวิดทรงเล้าโลมใจบัทเชบามเหสีของพระองค์ และสมสู่กับพระนาง พระนางก็ประสูติบุตรชายคนหนึ่งชื่อ
“ซาโลมอน” และพระเจ้าทรงรักซาโลมอน และทรงใช้นาธันผู้เผยพระวจนะไป ท่านจึงตั้งชื่อราชโอรสนั้นว่า
“เยดีคิยาห์” เพราะเห็นแก่พระเจ้า (12:24-25) (เยดีคิยาห์ เป็นชื่อในภาษาฮีบรูมีความหมายว่า “เป็นที่รักของพระเจ้า” Beloved of the Lord)
ซาโลมอนได้เป็นกษัตริย์ (ดู 1 พงษ์กษัตริย์ บทที่ 1)
เมื่อดาวิดเข้าสู่วัยชรามากแล้ว อาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทได้ยกตัวเองขึ้นกล่าวว่า
“เราเองจะเป็นพระราชา” (1:5) เรื่องนี้ดาวิดไม่ทราบเรื่องเลย นาธันได้นำความเรื่องนี้แจ้งแก่พระนางบัทเชบา พระนางจึงขอเข้าพบกษัตริย์ดาวิด เพราะดาวิดเคยปฏิญาณว่า
“ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองสมบัติต่อจากเราแน่นอน” เมื่อดาวิดทรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็กล่าวว่า
“ซาโลมอน บุตรของเจ้าจะครองสมบัติต่อจากเราแน่นอน และเธอจะนั่งบนบัลลังก์ของเราแทนเรา เราก็จะกระทำอย่างนั้นวันนี้แหละ” (1:30) .. ดังนั้นศาโดกปุโรหิต นาธันผู้เผยพระวจนะและเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาและคนเคเรธี กับคนเปเลทได้ลงไปจัดให้ซาโลมอนประทับบนล่อพระที่นั่งของพระราชาดาวิด และได้นำท่านมาถึงน้ำพุกีโฮน... และประชาชนทั้งปวงก็กล่าวว่า “ของพระราชาซาโลมอน ทรงพระเจริญ” (1:38-40)
ซาโลมอนขอสติปัญญา (ดู 1 พงษ์กษัตริย์ บทที่ 3)
หลังจากที่ดาวิดสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ซาโลมอนก็ได้ปกครองบ้านเมืองอย่างร่มเย็นเป็นสุข เพราะพระองค์ทรงรักพระเจ้า ทรงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของดาวิด
อยู่มาคืนหนึ่ง พระเจ้าทรงปรากฎแก่ซาโลมอนในความฝันและตรัสว่า
“เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้าก็จงขอเถิด” (3:5) ดังนั้น ซาโลมอน จึงกล่าวว่า
“..ขอพระองค์ทรงประทานความคิด ความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์...” (3:9) ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
“...ดูเถิด เราจะกระทำตามคำของเจ้า ดูเถิดเราให้จิตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่มีใคร ที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า..” (3:11-12)
การวินิจฉัยอันชาญฉลาดของซาโลมอน (ดู 1 พงษ์กษัตริย์ 3:16-28)
เมื่อซาโลมอนประกอบด้วยสติปัญญาของพระเจ้าก็มีประชาชนนำเรื่องและปัญหามากมายมาเข้าเฝ้าพระองค์ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำชื่อเสียงให้แก่ซาโลมอน เป็นอย่างมาก คือเรื่องของหญิงสองคนที่แย่งลูกกัน เรื่องมีอยู่ว่าหญิงสองคนนี้อยู่บ้านเดียวกัน คลอดลูกในเวลาใกล้เคียงกันแต่คนหนึ่งนอนทับลูกตัวเองจนตาย ก็เลยเอามาเปลี่ยนกับลูกของอีกคนหนึ่ง เมื่ออีกคนหนึ่งตื่นขึ้นมาพบว่าเด็กตายแล้ว แต่ไม่ใช่ลูกของอีกคนหนึ่ง เมื่ออีกคนตื่นขึ้นมาพบว่าเด็กตายแล้ว แต่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง จึงเป็นเรื่องมาให้พระราชาตัดสิน และพระราชาตรัสว่า
“เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง .. จงแบ่งเด็กที่มีชีวิตนั้นออกเป็น 2 ท่อนและให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่งและอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง” (3:24-25) สรุปว่าหญิงคนที่เป็นแม่ตัวจริงไม่ยอมให้แบ่งเด็ก แต่ขอให้ยกให้อีกคน ส่วนอีกคนหนึ่งขอให้แบ่ง แล้วพระราชาตัดสิน มอบเด็กให้แก่คนที่ไม่ยอมให้แบ่งเด็ก เพราะเธอมีความอาลัยในบุตรของเธอ คนอิสราเอลทั้งปวงทราบเรื่องการพิพากษา ..และเขาทั้งหลายประจักษ์ว่า พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ที่จะทรงวินิจฉัยให้ความยุติธรรม (2:28)
พระปัญญาของซาโลมอน
ในหนังสือ 1 พงษ์กษัตริย์ 4:29-34 กล่าวว่า
“... พระเจ้าทรงประทานสติปัญญา และความเข้าใจแก่ซาโลมอนอย่างเหลือประมาณ ทั้งพระทัยอันกว้างขวางดุจทะเลทรายที่ชายทะเล และสติปัญญาของซาโลมอนล้ำกว่าสติปัญญาทั้งสิ้นของชาวตะวันออกและกว่าบรรดาสติปัญญาของอียิปต์ เพราะพระองค์ทรงมีสติปัญญาฉลาดกว่าคนอื่นทุกคน..พระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไปในทุกประชาชาติที่อยู่ล้อมรอบพระองค์ตรัสสุภาษิตสามพันข้อด้วย และบทเพลงของพระองค์มีหนึ่งพันห้าบท พระองค์ตรัสถึงต้นไม้ตั้งแต่สีดาร์ซึ่งอยู่ในเลบานอน จนถึงต้นหุสบซึ่งงอกออกมาจากกำแพง พระองค์ตรัสถึงสัตว์ป่าด้วย ทั้งบรรดานกและสัตว์เลื้อยคลานและปลา และคนมาจากชนชาติทั้งหลาย เพื่อฟังสติปัญญาของซาโลมอน และมาจากบรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลก ผู้ได้ยินถึงสติปัญญาของพระองค์
ยังมีอีกหลายเรื่องของซาโลมอนที่ขอไม่กล่าวถึงในตอนนี้ เพราะกลัวว่าจะยาวเกินไป แต่จะกล่าวเป็นข้อที่เด่น ๆ พอสังเขป ก็คือ
1. การสร้างพระวิหารของพระเจ้า
2. การมอบถวายพระวิหาร
3. พระนางเชบาเสด็จเยี่ยมซาโลมอน
4. ความมั่งคั่งกับพระเกียรติเลื่องลือของซาโลมอน ขนาดมีกองทัพเรือ ถือว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิสราเอลที่มีทัพเรือ เพื่อใช้ในการขนทรัพย์สมบัติ (1 พกษ. 10:22-25)
เพราะความมีสติปัญญาของพระองค์นั่นเองทำให้มีคนทั่วทั้งโลกอยากมาฟังสติปัญญาของพระองค์ทุกคนที่มาก็นำเครื่องบรรณาการมาด้วย ทำให้ซาโลมอนร่ำรวยเพราะทางนี้ด้วย
5. ทรงค้าม้า และรถรบ
6. ทรงหลงเจิ่นจากพระศาสนาและเรื่องปรปักษ์ของพระองค์ เพราะเหตุที่มีมเหสีถึง 700 องค์ และนางห้ามอีก 300 คน หญิงหลายคนเป็นคนต่างด้าว และนำพระของตัวเองมาบูชาด้วย (1 พกษ.11:1-8)
7. มรณกรรมของซาโลมอน
ในพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงหนังสือที่เขียนโดยซาโลมอนไว้ 3 เล่มด้วยกัน คือ สุภาษิต ปัญญาจารย์ และเพลงซาโลมอน
(บทความจาก เรียนรู้อดีต ลิขิตอนาคต เขียนโดย อภิรักษ์ สอนพรินทร์)