ผมสามารถท่องข้อพระคัมภีร์ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 ได้อย่างขึ้นใจ จะท่องกี่ครั้งก็จำได้ "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก..."
จนดูเหมือนว่าเป็นความหมายตรงๆ ไม่ต้องตีความอะไร พระเจ้ารักมนุษย์ จึงยอมส่งพระเยซูพระบุตรลงมาเพื่อตายไถ่บาป จบข่าว ดูเหมือน short note จะมีข้อความเพียงเท่านี้ ประมาณว่า ใครก็ได้ที่มาเชื่อก็รอด
อืม! ก็โอเคนะ ที่พระเจ้ารักเรา
แต่..ตอนนี้ผมยังไม่ว่างนะ รอแป๊บ!
ได้ๆ ไม่เป็นไร ว่างเมื่อไหร่ค่อยกลับมาก็แล้วกัน...
ถ้าเรื่องมันง่ายแบบนี้ก็คงดี!
แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น...
เพราะกว่าบทสนทนานี้จะเกิดขึ้น ก็เกิดจากการแอบย่องมาหาของฟาริสีคนหนึ่งระดับขุนนางชาวยิว นาม "นิโคเดมัส" ที่สงสัยในการทำหมายสำคัญของพระเยซู จึงอดไม่ได้ที่จะต้องมาถามด้วยตนเองในเวลากลางคืน เพราะกลัวว่าพวกพ้องของตนจะเห็น
บทสนทนาค่อนข้างลึกซึ้งและซับซ้อน เพราะคนหนึ่งเข้าใจแบบตรงๆ แต่อีกคนหนึ่งพูดลึกลงไปในจิตวิญญาณของมนุษย์
จนมาถึงบทสนทนาสำคัญ...(จาก ยอห์น บทที่ 3)
พระเยซูยกตัวอย่างเรื่องงูในถิ่นทุรกันดาร ในสมัยโมเสส เพราะชาวฮีบรูบ่นต่อว่าพระเจ้า เลยเจอพิษเข้าไป คนที่ต้องการรอดก็ต้องมาจ้องมองดูงูบนไม้เท้าที่โมเสสได้ทำไว้
เช่นเดียวกัน คนที่ต้องการจะไม่ถูกพิพากษาจากความบาปของบรรพบุรุษ หรือความผิดพลาดที่ตนเองได้กระทำ ณ ปัจจุบัน ก็เพียงมาหาพระเยซู ขอเน้นว่า ต้องเข้ามาหาเท่านั้น!
ถ้าพระคัมภีร์มีแค่ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 ก็ดูเหมือนว่า พระเจ้าโอ๋คุณนะ เหมือนเป็นแค่ประโยคบอกเล่าไม่ได้ซีเรียสอะไร เล่าให้ฟังเฉยๆ...
แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ เพราะเนื้อหาของบทสนทนามีความหมายว่า คนที่ต้องการรอดเท่านั้น ถึงจะได้รับ
ความรักของพระเจ้าคือข้อเสนอ และต้องมีการตอบรับด้วย...รัก ต้องตอบด้วยรัก
อย่ารอจนวินาทีสุดท้ายนะครับ ถึงจะมารับการรักษาจากพิษร้ายของโลกนี้!
จนดูเหมือนว่าเป็นความหมายตรงๆ ไม่ต้องตีความอะไร พระเจ้ารักมนุษย์ จึงยอมส่งพระเยซูพระบุตรลงมาเพื่อตายไถ่บาป จบข่าว ดูเหมือน short note จะมีข้อความเพียงเท่านี้ ประมาณว่า ใครก็ได้ที่มาเชื่อก็รอด
อืม! ก็โอเคนะ ที่พระเจ้ารักเรา
แต่..ตอนนี้ผมยังไม่ว่างนะ รอแป๊บ!
ได้ๆ ไม่เป็นไร ว่างเมื่อไหร่ค่อยกลับมาก็แล้วกัน...
ถ้าเรื่องมันง่ายแบบนี้ก็คงดี!
แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น...
เพราะกว่าบทสนทนานี้จะเกิดขึ้น ก็เกิดจากการแอบย่องมาหาของฟาริสีคนหนึ่งระดับขุนนางชาวยิว นาม "นิโคเดมัส" ที่สงสัยในการทำหมายสำคัญของพระเยซู จึงอดไม่ได้ที่จะต้องมาถามด้วยตนเองในเวลากลางคืน เพราะกลัวว่าพวกพ้องของตนจะเห็น
บทสนทนาค่อนข้างลึกซึ้งและซับซ้อน เพราะคนหนึ่งเข้าใจแบบตรงๆ แต่อีกคนหนึ่งพูดลึกลงไปในจิตวิญญาณของมนุษย์
จนมาถึงบทสนทนาสำคัญ...(จาก ยอห์น บทที่ 3)
14 โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารอย่างไร
บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น
บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น
15 เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
16 พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก
ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
18 คนที่วางใจในพระบุตรจะไม่ถูกพิพากษา
ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว
เพราะเขาไม่ได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
พระเยซูยกตัวอย่างเรื่องงูในถิ่นทุรกันดาร ในสมัยโมเสส เพราะชาวฮีบรูบ่นต่อว่าพระเจ้า เลยเจอพิษเข้าไป คนที่ต้องการรอดก็ต้องมาจ้องมองดูงูบนไม้เท้าที่โมเสสได้ทำไว้
ถ้าพระคัมภีร์มีแค่ ยอห์น บทที่ 3 ข้อ 16 ก็ดูเหมือนว่า พระเจ้าโอ๋คุณนะ เหมือนเป็นแค่ประโยคบอกเล่าไม่ได้ซีเรียสอะไร เล่าให้ฟังเฉยๆ...
แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ เพราะเนื้อหาของบทสนทนามีความหมายว่า คนที่ต้องการรอดเท่านั้น ถึงจะได้รับ
ความรักของพระเจ้าคือข้อเสนอ และต้องมีการตอบรับด้วย...รัก ต้องตอบด้วยรัก
อย่ารอจนวินาทีสุดท้ายนะครับ ถึงจะมารับการรักษาจากพิษร้ายของโลกนี้!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น