ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
Trailer นางไม้
อบรม PowerPoint 2007 ครั้งแรก
บรรยายโลกร้อนที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ บางเขน
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2009 มีนักเรียนชั้น ม.2 ประมาณ 4 ห้อง รวมประมาณ 150 คน ร่วมรับฟังและร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับ "ภาวะโลกร้อนกับประเทศไทย" ต้องขอขอบคุณสำนักเขีนบางเขน และบริษัทเบส แคร์ ทำกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อปลูกจิตสำนึกให้เด็กๆ คนรุ่นต่อไป เพราะวิกฤตน้ำแข็งขั้วโลกละลายเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
คริสเตียนคนแรกในเอเชีย
จำนวนคนเป็นอันมากก็เพิ่มเข้ากับคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า บารนาบัสจึงไปหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส เมื่อพบแล้วจึงพามายังเมืองอันทิโอก
ท่านทั้งสองได้ประชุมกันกับคริสตจักรตลอดปีหนึ่ง ได้สั่งสอนคนเป็นอันมาก และในเมืองอันทิโอกนั่นเอง
พวกสาวกได้ชื่อว่า คริสเตียน เป็นครั้งแรก
กิจการ 11:24-26
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
จากเอเดน สู่เอเชีย เส้นทางการเลื้อยของงูดึกดำบรรพ์
วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
บรรยายโลกร้อนที่เขตบางเขน
เลี้ยงอาหารที่ใช้ใบบัวเป็นภาชนะ เพื่อลดขยะจากกล่องโฟม
ผู้เข้าร่วมอบรมกินข้าวจากใบบัว เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และปลูกจิตสำนึกไปพร้อมๆ กัน
วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
คัมภีร์โตราห์ กับคู่มือเบญจบรรณ
บรรยากาศงาน 61 ปีอิสราเอล
อาหารยิวที่บางคนไม่คุ้น แต่ก็กินได้ ส่วนตัวผมชอบที่ความแปลกและรสชาติกินได้หมดกล่อง
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
หลังหนัง Angels & Demons จบ คริสเตียนเตรียมตอบคำถาม?
- คริสเตียนสั่งฆ่านักวิทยาศาสตร์จริงหรือ?
- สมาคม "อิลลูมินาติ" คืออะไร และยังมีอยู่หรือเปล่า?
- วาติกันยังปิดบังเรื่องอะไรเอาไว้อีก?
- "เซิร์น" สร้างอนุภาคอย่างนั้นได้จริงเหรอ?
และคำถามอีกมากมายที่คริสเตียนจะถูกตั้งคำถาม และตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าหนังบอกอะไรกับคนดู สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ คนดูจะเชื่อทุกอย่างที่หนังบอก จึงตั้งคำถามอย่างนั้น และคิดว่าคริสเตียนรู้ หรือเก็บความลับนั้นอยู่ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเกิดมานานแล้วกว่า 300 ปี และเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงด้านความคิดทางวิทยาศาสตร์
มียุคหนึ่งที่ประชาชนในยุโรปตื่นกลัวเรื่องแม่มด เพราะอิทธิพลด้านการสื่อสารที่อ่อนแอ วิทยาศาสตร์ที่ยังไม่เติบโต ตำนานไสยเวทยังพอมีอยู่ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นอุบายเพื่อกำจัดคนที่คิดต่าง โดยยัดข้อหาแม่มดพ่อมด และมีข้อพระคัมภีร์สนุบสนุน ซึ่งทำให้มีหลายคนที่พฤติกรรมต่างออกไปถูกกำจัด โดยการทรมาน และเผาทั้งเป็น ในยุคของกาลิเลโอนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนเช่นกัน สิ่งที่เขาสนับสนุนมาจากการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาด้วย
โคเปอร์นิคัส เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นโปรเตสแตนท์ สิ่งที่เขาคิด คาทอลิกย่อมไม่ชอบ และเห็นต่าง แต่กาลิเลโอซึ่งเป็นคนที่รับค่าแรงจากวาติกันไปสนับสนุนความคิดนั้น ย่อมขัดแย้งเป็นธรรมดา จึงถูกสั่งให้กักบริเวณเขา ประวัติศาสตร์ที่บิดเบียนบอกว่าสั่งประหารชีวิตก็มี
รายละเอียดยังมีอีกมาก ไว้จะมาเล่าต่ออีกที
แนะนำหนังใหม่ (VCD)
ใครมีโอกาสได้ชมเรื่องนี้อาจจะลดความขัดแย้งลงได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องทัศนะว่าต้องเชื่อแบบนั้น หรือเชื่อแบบนี้จึงจะถูกต้อง ใครเชื่อต่างจากตัวเองผิดไปหมด บทเรียนจากเรื่องนี้ก็คือทุกคนเจตนาดี หวังดี และรักพระเจ้า แต่อาจลืมไปว่าคนอื่นเขาก็รักพระเจ้าเหมือนกัน แต่เขาคิดต่างจากเรา แต่งตัวต่างจากเรา สอนต่างจากเรา หรือแม้แต่เชื่อต่างจากเรา แต่จุดร่วมที่เหมือนกันก็คือ พระเจ้าทรงรักทุกคนเท่ากัน เหมือนกัน อย่าเอาความต่าง หรือวิธีการมาตัดสินคนอื่น หรือสงวนพื้นที่ของตนไว้ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ได้ทำอะไรได้มากไปกว่านั้น..
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ร่วมฉลอง 61 ปีอิสราเอล
MGF ออกร้านที่งานคองเกรส 7
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
บทเรียนจากผู้วินิจฉัย บทที่ 7 เรื่องกิเดโอน กับทหารแค่ 300
(1) เยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) และคนที่อยู่กับท่านก็ลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ไปตั้งค่ายอยู่ที่ริมน้ำพุฮาโรด ฝ่ายค่ายของพวกมีเดียนอยู่ทางเหนือของเขา อยู่ในหุบเขาที่ภูเขาโมเรห์
(2) พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "คนที่อยู่กับเจ้ายังมีมาก เกินที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขา เกรงว่าอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า "มือของเราเองได้กู้เราไว้"
(3) เพราะฉะนั้นจงประกาศให้เข้าหูคนทั้งปวงว่า 'ผู้ใดที่กลัวและสั่นเทิ้มอยู่ ก็ให้ผู้นั้นกลับเสียและไปจากภูเขากิเลอาด' " และมีคนกลับไปสองหมื่นสองพันคน และยังเหลืออยู่หนึ่งหมื่นคน
(4) พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "ประชาชนยังมากอยู่จงพาเขาลงไปที่น้ำ และเราจะทำการทดสอบเขาให้เจ้าที่นั่น ผู้ที่เราจะบอกเจ้าว่า 'ให้คนนี้ไปกับเจ้า' ผู้นั้นต้องไปกับเจ้า ผู้ที่เราบอกว่า 'คนนี้อย่าให้ไป' ผู้นั้นไม่ต้องไป"
(5) ท่านจึงพาประชาชนลงไปที่น้ำ พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "ทุกคนที่ใช้ลิ้นเลียน้ำดังสุนัข จงรวมเขาไว้พวกหนึ่ง ทุกคนที่คุกเข่าลงดื่มน้ำจงรวมไว้อีกพวกหนึ่งดุจกัน"
(6) จำนวนคนที่ใช้มือวักน้ำขึ้นเลียมีสามร้อยคน แต่ประชาชนนอกนั้นคุกเข่าลงดื่มน้ำ
(7) พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "เราจะช่วยกู้เจ้าทั้งหลายด้วยจำนวนคนสามร้อย ที่เลียน้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเจ้า นอกนั้นให้กลับไปบ้านเมืองของตนทุกคน"
(8) ประชาชนจึงถือเสบียงและเขาสัตว์ไว้ และท่านสั่งให้อิสราเอลกลับไปยังเต็นท์ของตนทุกคน แต่ให้สามร้อยคนนั้นอยู่ และค่ายของมีเดียนก็อยู่ข้างล่างท่านในหุบเขา
คำพยานเรื่องทูตสวรรค์
ด้านแรกก็คือ ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากคนบางกลุ่ม บางทัศนะ บางความเชื่อที่แตกต่าง ซึ่งก็คงผ่านไป เพราะเราทำอย่างถูกต้อง และเชื่อในพระเจ้า
อีกด้าน คือ ได้รับการรองรับว่าสิ่งนี้เป็นจริง ซึ่งมาจากผู้มีประสบการณ์จริง และได้พบอีกทั้งยังพิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง
คำพยานเรื่องนี้จึงมีหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่ ขอทูตสวรรค์มาช่วยดูแลพ่อของเขา จนพ่อรับเชื่อในพระเจ้า หรือเรียกมาทั้ง 72 ชื่อ จนเกิดปรากฏการณ์ประหลาด และรู้ว่าไม่ควรเรียกมาเฉยๆ อีกบางท่านยังใช้ไปตรวจสอบวันเดือนของโบสถ์ และพบลักษณะของโบสถ์ (หมายถึงนิสัยของผู้คนหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน) บางท่านสามารถนำวิธีการไปใช้และเกิดผล และค้นหาวิธีการได้ด้วยตนเอง จนกระทั่งเกิดประโยชน์
ทำให้รู้ว่าสิ่งนี้ ไม่ใช่ทุกคนสามารถรับได้ และมีเพียงน้อยคนนักที่จะเข้าใจ เฉกเช่นเดียวกับบุคคลในพระคัมภีร์ ผู้พยากรณ์ในอดีต การต่อต้านและมองเห็นต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่ย่อมเกิดขึ้นได้ และจะเกิดขึ้นอีก
คำพูดของพี่น้องที่เอ่ยมาว่า "คนที่มีหัวใจและเข้าใจเรื่องอิสราเอล และยุคสุดท้ายเท่านั้น ถึงจะเข้าใจเรื่องทูตสวรรค์"!
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ศาสนศาสตร์เรื่องทูตสวรรค์
ซึ่งขอคัดลอกมาให้อ่านกัน สำหรับบางท่านอาจจะไม่คุ้นเคยการศึกษาเรื่องทูตสวรรค์ เพราะบางโบสถ์ไม่ได้สอนกันด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เชิญอ่านได้เลยครับ.. คิดลอกมาจากหน้า 181-182...
เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เราควรจะศึกษาหลักคำสอนเรื่องทูตสวรรค์ต่อจากเรื่องพระเจ้า เพราะว่าทูตสวรรค์เป็นผู้รับใช้พระเจ้าในราชกิจการทรงจัดเตรียมของพระองค์ ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ไม่น้อยเลย แต่โดยทั่วไปแล้วเรื่องทูตสวรรค์กลับถูกละเลยมากในสมัยนี้ จนบางคนเกือบปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะสาเหตุหลายประการด้วยกัน
ประการแรก พวกไญยนิยม (Gnostic) มักจะนมัสการทูตสวรรค์ (คส.2:18)
ต่อมาก็มีความคิดเพ้อเจ้อแบบสคอลาสซิซึม (Scholasticism) ซึ่งเป็นปรัชญาระบบหนึ่งที่สอนกันในสมัยกลาง
ในยุคหลังๆ มีความเชื่อเกี่ยวกับพ่อมดหมอผีมากเกินไป
และประการสุดท้ายการนมัสการภูติผีปีศาจและลัทธิซาตานเพิ่มขึ้นมากมายในสมัยของเรา
แต่เราก็มีเหตุผลหลายประการสนับสนุนความเชื่อในเรื่องทูตสวรรค์ กล่าวคือ
(1) เรื่องทูตสวรรค์มีจริง และงานทูตสวรรค์ มีสอนมากมายในพระคัมภีร์ พระเยซูเองทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ไม่น้อยเลย และเราไม่ควรเมินเฉยต่อคำสอนของพระองค์โดยถือว่ารู้ดีกว่าพระองค์
(2) หลักฐานจากปรากฏการณ์ที่มีผีสิง ผีรบกวน และการบูชาภูติผีปีศาจเป็นข้อสนับสนุนว่าทูตสวรรค์มีจริง เปาโลเองถือว่าการไหว้รูปเคารพเป็นการนมัสการผี (1 โครินธ์ 10:20-21) ในวาระสุดท้ายการไหว้รูปเคารพและการถือภูติผีปีศาจจะยิ่งแพร่หลายมากยิ่งขึ้น (วิวรณ์ 9:20-21)
(3) ความสนใจในเรื่องคนทรง และการติดต่อกับคนที่ตายแล้ว ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจคำสอนเรื่องทูตสวรรค์มากยิ่งขึ้น พระคัมภีร์ห้ามเล่นไสยศาสตร์ การทรงผี และการใช้เวทมนตร์คาถา (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:10-12, อิสยาห์ 8:19-20) และสิ่งเหล่านี้จะทวีขึ้นในวาระสุดท้ายเช่นกัน (1 ทิโมธี 4:1)
และ (4) เราต้องเข้าใจงานของซาตานและวิญญาณชั่วที่ขัดขวางงานของพระเจ้าในจิตใจของเราและในโลกนี้ทั่วไป เพื่อเราจะเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับมันในอนาคตได้ และเพื่อจะมีความแน่ใจว่า ในไม่ช้ามันจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ (ปฐมกาล 3:15, โรม 16:20, วิวรณ์ 12:7, 20:1-10)
เราจะแบ่งเรื่องทูตสวรรค์ออกเป็นสองภาค คือ
(1) ต้นกำเนิด ลักษณะ การล้มลงในบาป และประเภทต่างๆ ของทูตสวรรค์
(2) งานและจุดจบของทูตสวรรค์