ทูตสวรรค์เป็นความเชื่อเรื่องหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหลายศาสนา ไม่ว่าจะเป็น ศาสนายิว คริสต์ และอิสลาม (ในศาสนาพุทธแม้จะมีเรื่องเทวดา แต่แตกต่างกับ 3 ศาสนานี้) ทุกศาสนาจะมีบันทึกกล่าวถึงทูตสวรรค์ว่าเป็นผู้ไม่มีจิตใจ ไม่มีร่างกาย และเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น พวกเขามีหน้าที่ในการรับใช้พระเจ้าผู้สูงสุด หรือรับใช้บุคคลที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า (อย่างเช่น ผู้เผยพระวจนะ)
พวกเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดี และถูกกล่าวถึงอย่างบ่อยครั้งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ คัมภีร์โตราห์ และคัมภีร์อัลกุรอาน ทูตสวรรค์ยังถูกแบ่งเป็นชั้นๆ ในแต่ละชั้นจะมีหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งพวกเขามีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้น 9 คณะ
ชั้นเอก (The First Triad)
1. เสราฟิม Seraphim
“เสราฟิม” คือทูตสวรรค์ชั้นสูงสุดของบรรดาเหล่าทูตสวรรค์ พวกเขายืนอยู่ข้างบัลลังก์ของพระเจ้า
..มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไป ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์” (อิสยาห์ 6:3) หรือ คาโดซ คาโดซ คาโดซ (kadosh kadosh kadosh)
พวกเขาเป็นดังแสงบริสุทธิ์ และติดต่อสื่อสารโดยตรงกับพระเจ้า เสราฟิมมีปีก 6 ปีก และหัว 4 หัว มีรัศมีด้วยไฟแห่งความรัก มีอยู่ 4 นามที่เกี่ยวกับเสราฟิมคือ กาบรีเอล (Gabriel), คีมูเอล (Kemuel), นาธานาเอล (Nathanael), และมาตาตรอน (Matatron) หรือซาตาน (Satan) ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ “งูแมวเซา (Fiery Serpents)”
มีหลายคนสับสนระหว่างลำดับของทูตสวรรค์ ระหว่างเสราฟิม และเทพบดี (Archangels) เพราะมีหลายตอนแปลคำว่า “เทพบดี (Archangels)” ว่า “หัวหน้าของทูตสวรรค์” จึงคิดว่าตำแหน่งนี้คือเทพสูงสุด แต่เมื่อดูหน้าที่ความรับชอบของเทพบดี ก็เป็นเพียงทูตสวรรค์ประเภทนักรบ จึงเป็นทูตสวรรค์ชั้นตรี และหัวหน้าทูตสวรรค์ในชั้นเดียวกัน ส่วนทูตสวรรค์นาม “เมตาตรอน (Metatron)” ก็คือซาตานนั่นเอง เป็นดังเจ้าแห่งความมืด หรือ “งูดึกดำบรรพ์” ในบางครั้ง และในบางบันทึกกล่าวว่าเขามีปีก 36 ปีก และมีตามากมาย
2. เครูบ Cherubim
..และทรงตั้งพวกเครูบ (หมายถึง ทูตสวรรค์จำพวกหนึ่ง) ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุน ได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น.. (ปฐมกาล 3:24)
ในภาษาฮีบรูสะกดคำนี้ว่า “เครูบ” ซึ่งหากแปลตรงๆ จะหมายความว่า “ใครคนหนึ่ง ผู้ที่ช่วยร้องขอให้” แต่เมื่อสรุปความทางภาษาจึงได้ความหมายว่า “ความรู้”
ในตำนานอื่นๆ กล่าวถึง “คาริบู (Karibu)” คือความน่าสะพรึงกลัว เขามีร่างขนาดยักษ์ และเป็นผู้ดูแลวิหาร และพระราชวังวังในดินแดนซูเมอร์ และอาณาจักรบาบิโลน
ในดินแดนตะวันออก เทพผู้พิทักษ์ของชาวอัสซีเรีย ก็มีปีกเหมือนกัน มีหัวเป็นนกอินทรี มีหน้าที่ปกป้องต้นไม้แห่งชีวิตตามตำนานความเชื่อของพวกเขา และมี 4 หน้า และ 4 ปีก
ในหนังสืออพยพบทที่ 25:18-21 กล่าวถึงหีบพันธสัญญาที่ออกแบบให้มีเครูบอยู่ด้วย
..จงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ฝีค้อนทำตั้งไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง ทำเครูบไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป ทำเครูบนั้น และให้ตอนปลายทั้งสองข้างติดเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา ให้เครูบกางปีกออกไว้เบื้องบนปกพระที่นั่งกรุณา ไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน ให้เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้ไว้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น..
แต่ในหนังสือ 1 ซามูเอล บทที่ 4 ข้อ 4 (ไทยคิงเจมส์) ได้บอกว่าหีบของพระเจ้า “ผู้ประทับระหว่างพวกเครูบ”
3. เทวบัลลังก์ Thrones
เทวบัลลังก์ คือเทพผู้ปรนนิบัติพระเจ้าอย่างใกล้ชิด เปรียบเหมือนผู้เป็นสารถีขับราชรถของพระเจ้า ซึ่งรู้จักในนาม “กัลกาลิน (Galgalin)” หรือ “โอฟานิม (Ophanim)” “กัลกาล (Galgal)” ในภาษาฮีบรูมีความหมายว่า “รูม่านตา” และกงจักรหรือกงล้อ พวกเขาพำนักอยู่ในสวรรค์ชั้นที่สามหรือสี่ตามความเชื่อเรื่องสวรรค์ของชาวยิวโบราณ พวกเขาอาจอยู่ในบริเวณระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ “ราฟาเอล (Raphael)” คือหนึ่งนามในทูตสวรรค์คณะนี้ อยู่ในฐานะผู้คุมกฎ
ชั้นโท (The Second Triad)
4. เทพอาณาจักร The Dominions
เทพอาณาจักร คือเทพที่ “กำหนดระเบียบ” ของทูตสวรรค์ หน้าที่ขึ้นอยู่กับ “ไดโอนีซิอัส (Dionysius)” พวกเขาพำนักอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 2 ตามความเชื่อของชาวยิวโบราณ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรายชื่อของผู้ที่จะได้อยู่ในสวรรค์
พวกเขามีลักษณะเหมือนเทพเจ้า “คูริโอเตเตส (Kuriotetes)”, “ฮาชมัลลิม (Hashmallim)” หรือ “โดมิเนียน (Dominions)” ในคณะนี้มีผู้คุมกฎนามว่า “มูริเอล (Muriel)”, “ยาฮ์ริเอล (Yahriel)”, “ซาดคีเอล (Zadkiel) และ “ฮาชมาล(Hashmal)” (หรืออีกนามคือ “คาสมาล (Chasmal)” หรือ “เทพแห่งไฟ”)
5. รัศมีเทพ The Virtues
บางครั้งก็ถูกเรียกว่า “ทาร์ชิชฮิม (Tarshishim)”, “ดูนามิส (Dunamis)” และ “มาลาคิม (Malakim)” ซึ่งมีความหมายว่า “ความหลักแหลม” หรือ “แสงสว่างแห่งปัญญา” และหน้าที่หลักของเทพคณะนี้คือ “การอวยพร” ซึ่งมักจะมาในรูปแบบของสิ่งมหัศจรรย์ หรือการอัศจรรย์
ทั้งยังเป็นทูตสวรรค์ที่ไปเป็นเพื่อนร่วมทางกับพระคริสต์ในระหว่างเสด็จขึ้นสู่สวรรค์เพื่อรับพระเกียรติสูงสุด พวกเขาปรากฏในบันทึกโบราณของชาวยิวในหนังสือเรื่องอาดัมกับเอวา เกี่ยวกับการเกิดของคาอิน
ผู้นำของคณะนี้คือ “มีคาเอล (Michael)”, “กาบรีเอล (Gabriel)”, “ราฟาเอล (Raphael)”, “บาริเอล (Bariel)”, “ทรัชชิช (Trashish)” และก่อนจะตกจากสวรรค์ “ซาตานเอล (Satanel)”
6. ศักดิเทพ The Powers
ศักดิเทพ มีสถานะเปรียบดัง “ผู้มีสิทธิอำนาจ”, “ผู้ควบคุมขุมพลัง” และ “จอมพลังมหากาฬ” กล่าวกันว่าพวกเขาเป็นทูตสวรรค์คณะแรกที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาเลยทีเดียว พวกเขาพำนักอยู่ระหว่างสวรรค์ครั้งที่ 1 และชั้นที่ 2 มีหน้าที่คือต่อต้านพวกปิศาจและวิญญาณชั่วไม่ให้ครอบงำโลกมนุษย์
มีผู้นำคือ “คามาเอล (Camael)” นามของเขาหมายความว่า “ผู้มองเห็นพระเจ้า” พวกนักเวท (Magus) เชื่อว่าเขาคือ 1 ในทุตสวรรค์ทั้งเจ็ดผู้ซึ่งรับใช้ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า บางความเชื่อกล่าวว่า “คามาเอล (Camael)” มีร่างกายเป็นเหมือนเสือดาว ยังมีที่แปลกไปกว่านั้นก็คือเขาเป็น “เจ้าแห่งนรก” แต่บางคนเชื่อว่าเขาคือ “เทพเจ้าสงคราม” เช่นเดียวกับ “มาร์ส” เทพเจ้าของโรมัน เขามีอำนาจในการออกคำสั่งเพื่อ “การแก้แค้น, การลงโทษ, การทำลาย และสั่งให้ตาย” ซึ่งเหมือนกัน “เคมมูเอล (Kemuel)” ผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างอิสราเอลและสวรรค์ทั้งเจ็ด
“คามาเอล (Camael)” คือทูตสวรรค์ที่ปล้ำสู้กับยาโคบ และที่ปรากฏกับพระเยซูในสวนเกทเสมนี และป้องกันโมเสสจากการรับบัญญัติจากพระเจ้าบนภูเขา ศักดิเทพเปรียบดังผู้นำทางจิตวิญญาณ พวกเขาคือทูตสวรรค์ผู้จะรักษาสมดุลระหว่างความดีและความชั่ว ในความหวังที่ว่าบุคคลที่ดีจะไม่ตกอยู่ในด้านมืด พวกเขาจะนำผู้หลงทางจากวัตถุประสงค์แห่งชีวิตเข้าสู่วิถีที่ควร
ชั้นตรี The Third Triad
7. เทพผู้ครอง The Principalities
เทพผู้ครอง คือเหล่าทูตสวรรค์ผู้ที่อยู่ประจำเมืองใหญ่ และชนชาติต่างๆ ของโลกมนุษย์ ต่อมาพวกเขามีหน้าที่เป็นผู้ปกป้องพระศาสนา
แม้พวกเขาไม่มีผู้นำ แต่ก็อาจจะมีบ้างเหมือนกันที่ถูกกล่าวถึง หนึ่งในนั้นก็คือ “นิสรอค (Nisrock)” ในความเชื่อของชาวอัสซีเรียน บอกว่าบางเวลาเทพองค์นี้เป็นหัวหน้าของปิศาจ เจ้าแห่งนรก
“อนาเอล (Anael)” คือหนึ่งในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดของการทรงสร้าง อนาเอลยังเป็นผู้ดูแลจัดการสวรรค์ชั้นที่ 2 และเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในด้านเพศสัมพันธ์
ทูตสวรรค์องค์อื่นๆ คือ “ฮามิเอล (Hamiel)” ซึ่งก็คือทูตสวรรค์ผู้ที่ส่งเอโนคไปสวรรค์
“เซอร์วิล (Cervil)” เทพแห่งกำลังผู้ที่ช่วยเหลือดาวิดเอาชนะโกลิอัทตามความเชื่อของยิวโบราณ
8. เทพบดี Archangels
ในความเชื่อแบบคริสเตียน และชาวยิว กล่าวว่ามีเทพบดีอยู่ 7 องค์ แต่อย่างไรก็ตาม ในคัมภีร์อัลกุรอานบอกว่ามีเพียง 4 องค์ และมีชื่อระบุเอาไว้ด้วย 2 ใน 4 นั้นก็คือ “มีคาเอล (Michael)” และ “จีบริล (Jjibril)” หรือกาบรีเอล แต่ก็มีความแตกต่างจากความเชื่อชาวยิวและคริสเตียน
พวกเขายอมรับว่า “กาบรีเอล (Gabriel)”, “ราฟาเอล (Raphael)”, “ยูริเอล (Uriel)” และ “มีคาเอล (Michael)” เป็นเทพบดี (Archangel) และนามอื่นๆ ก็มี “เรมิเอล (Remiel)”, “ซาริเอล (Sariel)”, “ราซิเอล (Raziel)”, “รากูเอล (Raguel)” “อนาเอล (Anael)” และ “เมตาตรอน (Metatron)” เทพบดีทำสงครามกับบุตรแห่งความมืด พวกทูตสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างพระเจ้าและมนุษย์
9. ทูตสวรรค์ Angels
ทูตสวรรค์ ถือเป็นเทพชั้นสุดท้าย ทูตสวรรค์อยู่ในระหว่างกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
ทูตสวรรค์ในภาษาอังกฤษ “แองเจิล (Angel)” มีรากศัพท์มาจากคำกรีกว่า “แองเจลอส (Angelos)” ซึ่งพวกเปอร์เซียนเรียกต่างไปว่า “แองการอส (Angaros)” และในภาษาสันสกฤตเรียกว่า “แองเจเรส (Angeres)” แต่ในภาษาฮีบรูต่างไปจากภาษาอื่นอย่างสิ้นเชิงว่า “มาลักฮฺ (Malakh)” ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า “ผู้ส่งข่าว”