ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

"ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นแต่เพียงวิญญาณผู้ปรนนิบัติ ที่พระองค์ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดเป็นมรดกมิใช่หรือ" ฮีบรู 1:14

"จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าบนสวรรค์ ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์" มัทธิว 18:10

ผมนำข้อพระคัมภีร์จากหนังสือกิจการบทที่ 23 (ฉบับไทยคิงเจมส์) มาให้อ่านกัน เพราะมีผู้อ้างว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าบอกให้เลิกพูดเรื่องทูตสวรรค์ และยังกล่าวหาว่าไม่ถูกต้อง โดยส่งจดหมายไม่ลงชื่อผู้ส่งมาให้ เป็นทัศนะที่ค่อนข้างเจาะจงไปถึงบุคคลผู้หนึ่งโดยใช้คำว่า "ผู้ที่สนับสนุนหนังสือเล่มนี้"

ลองอ่านพระคัมภีร์บทนี้ดูก็จะรู้ว่าทัศนะที่แตกต่างนั้นมาจากความเชื่อดั้งเดิมของแต่ละกลุ่มเช่น "สะดูสี" และ "ฟาริสี" ดังนั้น จดหมายนี้จงเป็นเพียงความคิดแบบสะดูสีที่ไม่เห็นด้วยเท่านั้น ผมเองกล้ายืนยันว่าการศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์และข้อมูลดั้งเดิม และภาษาเดิมอย่างฮีบรูเป็นเรื่องที่ทำการศึกษาด้วยตนเองและเข้าใจได้ ไม่ใช่เรื่องความเชื่อเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องภาษาและการแปลเป็นเรื่องของการสื่อสารเฉพาะถิ่น มีหรือไม่มีเป็นเรื่องระดับความรู้ของผู้ศึกษาและทัศนะที่มีหรือไม่มีอคติ..

เปาโลต่อหน้าสภา
1 ฝ่ายเปาโลจึงเพ่งดูพวกสมาชิกสภาแล้วกล่าวว่า "ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ประพฤติต่อพระพักตร์พระเจ้าล้วนแต่ตามใจวินิจฉัยผิดชอบอันดีจนถึงทุกวันนี้"

2 อานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนที่ยืนอยู่ใกล้ให้ตบปากเปาโล

3 เปาโลจึงกล่าวแก่ท่านว่า "พระเจ้าจะทรงตบเจ้า ผู้เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว เจ้านั่งพิพากษาข้าตามพระราชบัญญัติ และยังสั่งให้เขาตบข้าซึ่งเป็นการผิดพระราชบัญญัติหรือ"

4 คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นจึงถามว่า "เจ้าพูดหยาบคายต่อมหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ"

5 เปาโลจึงตอบว่า "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นมหาปุโรหิต ด้วยมีคำเขียนไว้แล้วว่า `อย่าพูดหยาบช้าต่อผู้ปกครองชนชาติของเจ้าเลย'"

6 ครั้นเปาโลเห็นว่า ผู้ที่อยู่ในประชุมสภานั้นเป็นพวกสะดูสีส่วนหนึ่งและพวกฟาริสีส่วนหนึ่ง ท่านจึงร้องขึ้นต่อหน้าที่ประชุมว่า "ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นพวกฟาริสีและเป็นบุตรชายของพวกฟาริสี ที่ข้าพเจ้าถูกพิจารณาพิพากษานี้ก็เพราะเรื่องความหวังว่า มีการเป็นขึ้นมาจากความตาย"

7 เมื่อท่านกล่าวอย่างนั้นแล้ว พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีก็เกิดเถียงกันขึ้น และที่ประชุมก็แตกเป็นสองพวก

8 ด้วยพวกสะดูสีถือว่า การที่เป็นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่มีและทูตสวรรค์หรือวิญญาณก็ไม่มี แต่พวกฟาริสีถือว่ามีทั้งนั้น

เปาโลก่อให้เกิดการแตกแยกในพวกฟาริสีและพวกสะดูสี
9 แล้วก็อื้ออึงเกิดโกลาหล และพวกธรรมาจารย์บางคนที่อยู่ฝ่ายพวกฟาริสีก็ลุกขึ้นเถียงว่า "เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดอะไร ถ้าวิญญาณก็ดีหรือทูตสวรรค์ก็ดีได้พูดกับเขา พวกเราอย่าต่อสู้กับพระเจ้าเลย"

10 เมื่อการโต้เถียงกันรุนแรงขึ้น นายพันกลัวว่าเขาจะยื้อแย่งจับเปาโลฉีกเสีย ท่านจึงสั่งพวกทหารให้ลงไปรับเปาโลออกจากหมู่พวกนั้นพาเข้าไปไว้ในกรมทหาร

(ขอให้ผู้อ้างตนอย่าเอาประเด็นทางคจ.ของท่านมาต่อสู้งานของพระเจ้าเลยครับ)

1 ความคิดเห็น:

Baku MoThai กล่าวว่า...

พอจะรู้ตัวเจ้าขของจดหมายแล้ว แม้จะไม่ยอมเผยตัว แต่คนของพระเจ้าก็รู้จนได้ เป็นทัศนะส่วนบุคคลจริงๆ พร้อมทั้งทัศนะเชิงลบ ไม่ตรวจสอบข้อมูล และไม่เคยฟังคำบรรยายที่มีถึง 3 ช่วง

การตัดสินแบบไม่ใช้พระคัมภีร์ และกล่าวหาอย่างลอยๆ จึงไม่น่าสนใจมากนัก