ค้นหาข้อมูลจากบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ยอห์นผู้ให้บัพติศมา : เสียงที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร

ตอนที่ 8 – ยอห์นผู้ให้บัพติศมา : เสียงที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร
เนื้อหา : ยอห์นจากเชื้อสายปุโรหิต เป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระคริสต์ (ลูกา 3; ยอห์น 1:19–23)
แนวคิดหลัก : ผู้รับใช้ที่แท้จริงต้องถอยออกเพื่อให้พระคริสต์ปรากฏ



    กลางดินแดนแห้งแล้งของแผ่นดินยูเดีย ที่ลมร้อนพัดผ่านเหมือนกำลังซัดฝุ่นแห่งประวัติศาสตร์ ยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็ปรากฏตัวขึ้น—ไม่ใช่ในพระวิหาร ไม่ใช่ในศูนย์กลางศาสนา แต่ในถิ่นทุรกันดารที่ไร้ชื่อเสียงสุดๆ ราวกับพระเจ้ากำลังประกาศว่า “การฟื้นฟูแท้ ไม่ได้เริ่มจากเวทีใหญ่ แต่เริ่มจากใจที่ถูกเตรียมไว้ก่อน”

    ยอห์นมาจากสายปุโรหิต—ลูกชายของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ ผู้คนสมัยนั้นคงคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะเติบโตในพระวิหาร เป็นปุโรหิตรูปแบบคลาสสิกเต็มสูบ แต่ยอห์นเลือกเส้นทางที่กลับด้าน เขาเดินเข้าถิ่นกันดาร สวมขนอูฐ กินตั๊กแตนกับน้ำผึ้งป่า เหมือนประกาศเสียงดังว่า “อย่าเพิ่งจ้องคนรับใช้—ให้จ้องพระเจ้าที่อยู่เบื้องหลังงานรับใช้” ชีวิตเขาเป็นบทเทศนาที่เดินได้—เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่แต่ง ไม่ประดับ และไม่ตามแฟชั่นศาสนาใดๆ ของยุคนั้น

    เมื่อถึงเวลาที่พระเจ้าแต่งตั้ง ยอห์นเริ่มประกาศใน ลูกา บทที่ 3 ว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะพระเมสสิยาห์กำลังมา!” เสียงของเขาดังก้องจนคนทั้งแคว้นยูเดีย เดินทางไปหาที่แม่น้ำจอร์แดน แม้เส้นทางจะไกลและลำบาก เขาไม่ได้พูดเพราะอยากอยู่ในกระแส ไม่ได้ใช้คำหวานแบบนักพูดมืออาชีพ แต่ตีตรงใจคนเหมือนค้อนที่ปะทะหิน ความสัตย์จริงของเขาแทงทะลุความเคร่งศาสนาแบบผิวเผิน และท้าทายให้พวกเขากลับมาหาพระเจ้าอย่างจริงจัง

    เมื่อฝ่ายศาสนามาถามเขาว่า “ท่านเป็นใคร?” ยอห์นตอบในแบบที่ทั้งยุคน่าจะเงียบไปเป็นแถบ—เขาไม่รับตำแหน่ง ไม่รับยศ ไม่รับเครดิต เขาพูดเพียงว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ร้องในถิ่นทุรกันดาร” (ยอห์น 1 : 19 - 23) แค่ “เสียง” เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ช่วยให้รอด ไม่ใช่ศาสดา ไม่ใช่มหาบุรุษ เป็นเพียงเสียงที่สะท้อนพระประสงค์ของพระเจ้าไปยังหัวใจคน

    แต่ความยิ่งใหญ่ของยอห์นไม่ได้อยู่ที่เสียงดังแค่ไหน แต่อยู่ที่การรู้จัก “ถอยออก” ตอนที่เหมาะสม เมื่อพระเยซูเสด็จมา ยอห์นประกาศว่า “พระองค์ต้องเจริญขึ้น ส่วนข้าพเจ้าต้อง-ด้อยลง” ถ้าเป็นคนยุคนี้คงมีไม่น้อยที่หวงผู้ติดตาม แต่ยอห์นพร้อมผลักคนไปหาพระคริสต์ ไม่ใช่มาหาตน นี่แหละจิตใจของผู้รับใช้แท้—ไม่ใช่สร้างอาณาจักรของตัวเอง แต่สร้างทางให้พระคริสต์ปรากฏสูงเด่นที่สุด

    และแม้ชีวิตของเขาจะจบลงในคุกของเฮโรด แต่เสียงของเขายังดังก้องอยู่ในพระคัมภีร์และในประวัติศาสตร์—เสียงที่ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ ไม่เกิน ไม่ขาด เตรียมทางให้พระเมสสิยาห์เสด็จมาอย่างสมบูรณ์แบบ

    ยอห์นสอนเราว่า ความยิ่งใหญ่ในสายพระเจ้าไม่ได้วัดจากการอยู่หน้าฉาก แต่วัดจากการซื่อสัตย์ต่อบทบาทที่พระองค์มอบ แม้บทนั้นจะเป็นเพียง “เสียงที่ดังชั่วครู่แล้วหายไป” หากเสียงนั้นนำคนไปหาพระคริสต์—ก็เป็นเสียงที่ทรงคุณค่าที่สุดแล้ว

    ข้อคิดสำหรับวันนี้ :
    “ให้พระคริสต์เด่นขึ้น แล้วเราจะพบตัวตนที่แท้จริงของเราในพระองค์”











ไม่มีความคิดเห็น: